โดย อรปรียา กัญญาภู
หอเอนปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง เป็นมรดกโลกที่หลายคนรู้จักดีและเป็นที่น่าสนใจสำหรับหลายๆคน และมีคำถามตามมาว่า “หอเอนแต่ทำไมไม่ล้ม?” ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์และน่าค้นหาสำหรับสิ่งมหัศจรรย์นี้ว่าเพราะเหตุใด? และเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจอย่างไร?
หอเอนปิซ่า เป็นหอคอยรูปทรงกระบอก มี 8 ชั้น สูงจากฐานถึงยอด 55.86 เมตร มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอคอยห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร ใช้หินอ่อนสีขาวเป็นวัสดุก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จมีน้ำหนักรวม 14,500 ตัน ตั้งอยู่ที่เมืองปิซ่า จังหวัดปิซ่า แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ฝั่งขวาของปากแม่น้ำ Arrno อยู่ห่างชายทะเลเพียงไม่เกิน 30 กิโลเมตร เอนปิซ่าสร้างไว้เพื่อเป็นหอระฆัง
เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี ไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นคนออกแบบ แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่มทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม
ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างทำมาจากหินปูนและปูนขาว ที่มีคุณสมบัติสามารถโค้งงอและทนต่อแรงต่างๆ ได้ดีกว่าวัสดุอื่นๆ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหอเอนปิซ่าจึงไม่ถล่มไปเลย แต่กลับค่อยๆเอนลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซ่าช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จอีกด้วย
หอเอนปิซ่าตั้งอยู่ใกล้ชายทะเลที่มีชั้นดินมีลักษณะเป็นดินปนทรายและดินโคลนพื้นดินจึงนุ่นจึงทำให้หอเอียงหรือเอน แต่ก็ได้รับการแก้ไขอุปสรรคและสามารถสร้างต่อจนสำเร็จในที่สุด ปี ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซ่าถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก และยังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย โดยปัจจุบันนี้ หอเอนปิซ่าลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้
หอเอนปิซ่า หอคอยแห่งนี้ไม่ได้เอียงหรือเอนมาจากความตั้งใจของผู้ออกแบบหรือผู้สร้าง แต่เป็นผลมาจากถูกสร้างอยู่ใกล้ทะเลที่มีพื้นที่นุ่น จึงส่งผลให้หอคอยนี้เอนไป ความผิดพลาดในครั้งนี้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก จนได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง ปัจจุบันหอเอนปิซ่ายังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก
อ้างอิง
หอเอนปิซ่า. (ม.ป.ป.). เข้าถึงเมื่อ 7 มกราคม 2557, จาก http://www.meetaweetour.co.th/v1/italy-information/1108--pisa-leaning-tower.html
หอเอนปิซ่า. (ม.ป.ป.). เข้าถึงเมื่อ 7 มกราคม 2557, จาก http://www.sawasdeeholidays.com/info-e01-pisa
หอเอนปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง เป็นมรดกโลกที่หลายคนรู้จักดีและเป็นที่น่าสนใจสำหรับหลายๆคน และมีคำถามตามมาว่า “หอเอนแต่ทำไมไม่ล้ม?” ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์และน่าค้นหาสำหรับสิ่งมหัศจรรย์นี้ว่าเพราะเหตุใด? และเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจอย่างไร?
หอเอนปิซ่า เป็นหอคอยรูปทรงกระบอก มี 8 ชั้น สูงจากฐานถึงยอด 55.86 เมตร มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอคอยห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร ใช้หินอ่อนสีขาวเป็นวัสดุก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จมีน้ำหนักรวม 14,500 ตัน ตั้งอยู่ที่เมืองปิซ่า จังหวัดปิซ่า แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ฝั่งขวาของปากแม่น้ำ Arrno อยู่ห่างชายทะเลเพียงไม่เกิน 30 กิโลเมตร เอนปิซ่าสร้างไว้เพื่อเป็นหอระฆัง
เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี ไม่ปรากฏชัดเจนว่าใครเป็นคนออกแบบ แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่มทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม
ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างทำมาจากหินปูนและปูนขาว ที่มีคุณสมบัติสามารถโค้งงอและทนต่อแรงต่างๆ ได้ดีกว่าวัสดุอื่นๆ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหอเอนปิซ่าจึงไม่ถล่มไปเลย แต่กลับค่อยๆเอนลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซ่าช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จอีกด้วย
หอเอนปิซ่าตั้งอยู่ใกล้ชายทะเลที่มีชั้นดินมีลักษณะเป็นดินปนทรายและดินโคลนพื้นดินจึงนุ่นจึงทำให้หอเอียงหรือเอน แต่ก็ได้รับการแก้ไขอุปสรรคและสามารถสร้างต่อจนสำเร็จในที่สุด ปี ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซ่าถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก และยังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย โดยปัจจุบันนี้ หอเอนปิซ่าลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้
หอเอนปิซ่า หอคอยแห่งนี้ไม่ได้เอียงหรือเอนมาจากความตั้งใจของผู้ออกแบบหรือผู้สร้าง แต่เป็นผลมาจากถูกสร้างอยู่ใกล้ทะเลที่มีพื้นที่นุ่น จึงส่งผลให้หอคอยนี้เอนไป ความผิดพลาดในครั้งนี้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก จนได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง ปัจจุบันหอเอนปิซ่ายังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก
อ้างอิง
หอเอนปิซ่า. (ม.ป.ป.). เข้าถึงเมื่อ 7 มกราคม 2557, จาก http://www.meetaweetour.co.th/v1/italy-information/1108--pisa-leaning-tower.html
หอเอนปิซ่า. (ม.ป.ป.). เข้าถึงเมื่อ 7 มกราคม 2557, จาก http://www.sawasdeeholidays.com/info-e01-pisa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น