โดย วชิรวิทย์ งานไว
การ์กอย ที่เราเห็นตามอาคารโบสถ์วิหารทางซีกโลกตะวันตกเช่น มหาวิหารนอเตรอ-ดาม แห่งดิฌง วิหารแห่งชาติ กรุงวอชิงตัน การ์กอยล์เป็นประติมากรรมที่สวยงามมาก มีไว้ประดับอาคารเพื่อความสวยงามและยังเป็นที่ระบายน้ำฝนได้ด้วย
มีตำนานหลายตำนานที่กล่าวถึง การ์กอยล์ แต่ตำนานที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ ตำนานของฝรั่งเศส ที่เล่าขานกันว่า ประมาณ ศตวรรษที่ 7 ณ หมู่บ้านรูออง (Rouen) ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส มีมังกรไฟตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ริมแม่น้ำแซน (Seine) เจ้ามังกรตัวนี้ยื่นคำขาดให้ผู้คนในหมู่บ้านส่งหญิงพรหมจรรย์มาสังเวยมันทุก ปี ไม่เช่นนั้นมันจะพ่นไฟให้ทั้งหมู่บ้านจมอยู่ในกองเพลิงภายในพริบตา ด้วยความกลัว ชาวบ้านจึงจำต้องส่งหญิงสาวไปให้มันทุกปี หากปีใดไม่สามารถหาสาวบริสุทธ์ได้ก็ต้องส่งนักโทษไปแทน ทำให้เจ้ามังกรตัวนี้ไม่พอใจอย่างยิ่ง มันจะมาบินวนรอบ ๆ หมู่บ้านพร้อมกับพ่นไฟและ ส่งเสียงขู่คำรามในลำคอ ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว ชาวบ้านรูอองต้องหวาดกลัวเจ้ามังกรพ่นไปตัวนี้เป็นเวลานาน
จนกระทั่งวันหนึ่ง นักบวช แซงต์ รูมานีส์ ได้มาเดินทางเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อได้รับรู้ชะตากรรมของชาวบ้าน ท่านก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ โดยมีข้อแม้ว่าหากท่านปราบมังกรตัวนี้ได้ ชาวบ้านจะต้องสร้างโบสถ์ให้ท่านหนึ่งหลัง ซึ่งชาวบ้านก็ตกลงรับ ท่านนักบวชได้เดินทางไปยังถ้ำมังกรโดยไม่มีอาวุธ นอกจากไม้กางเขนและศรัทธาต่อพระเจ้าเท่านั้น และแล้ว ท่านก็สามารถฆ่ามังกรร้ายตัวนี้ได้ และนำกลับมายังหมู่บ้าน ชาวบ้านรูอองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุข หลังจากต้องหวาดกลัวมังกรร้ายมาตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่ามังกรไฟ ลา การ์กุยย์ นี้จะไม่สามารถกลับมาทำร้ายใครได้อีก ชาวบ้านจึงจับมังกรเผามันทั้งเป็น แต่เนื่องจากเจ้า ลา การ์กุยย์ เป็นมังกรพ่นไฟ เพลิงจึงไหม้ไม่หมด เหลือหัวและคอไม่ว่าชาวบ้านจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถทำลายมันได้ เมื่อชาวบ้านสร้างโบสถ์ให้นักบวช ตามสัญญา
นักบวชเลยแนะนำให้เอาหัวมังกรไปประดับไว้กับตัวโบสถ์เพราะเจ้ามังกรนี้มี อำนาจศักด์สิทธิ์ ดังนั้นมันจะสามารถขับไล่มิให้สิ่งชั่วร้ายต่างๆ เข้ามาใน ตัวโบสถ์ได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การนำเอาสัตว์หน้าตาประหลาดต่างๆ มาประดับโบสถ์วิหารก็กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ในยุโรปและเมื่อชาวยุโรปได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา ก็ได้นำประติมากรรมประหลาดนี้ไปด้วย
ดังนั้น ตามวิหารอาคารในสหรัฐอเมริกาจึงประดับด้วยรูปสลักการ์กอยล์เสมอ
อ้างอิง
การ์กอยล์ . (ม.ป.ป.). วันที่สืบค้น 7 มกราคม 2557, สืบค้นจาก: http://www.l3nr.org/posts/201666
การ์กอย ที่เราเห็นตามอาคารโบสถ์วิหารทางซีกโลกตะวันตกเช่น มหาวิหารนอเตรอ-ดาม แห่งดิฌง วิหารแห่งชาติ กรุงวอชิงตัน การ์กอยล์เป็นประติมากรรมที่สวยงามมาก มีไว้ประดับอาคารเพื่อความสวยงามและยังเป็นที่ระบายน้ำฝนได้ด้วย
มีตำนานหลายตำนานที่กล่าวถึง การ์กอยล์ แต่ตำนานที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ ตำนานของฝรั่งเศส ที่เล่าขานกันว่า ประมาณ ศตวรรษที่ 7 ณ หมู่บ้านรูออง (Rouen) ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส มีมังกรไฟตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ริมแม่น้ำแซน (Seine) เจ้ามังกรตัวนี้ยื่นคำขาดให้ผู้คนในหมู่บ้านส่งหญิงพรหมจรรย์มาสังเวยมันทุก ปี ไม่เช่นนั้นมันจะพ่นไฟให้ทั้งหมู่บ้านจมอยู่ในกองเพลิงภายในพริบตา ด้วยความกลัว ชาวบ้านจึงจำต้องส่งหญิงสาวไปให้มันทุกปี หากปีใดไม่สามารถหาสาวบริสุทธ์ได้ก็ต้องส่งนักโทษไปแทน ทำให้เจ้ามังกรตัวนี้ไม่พอใจอย่างยิ่ง มันจะมาบินวนรอบ ๆ หมู่บ้านพร้อมกับพ่นไฟและ ส่งเสียงขู่คำรามในลำคอ ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว ชาวบ้านรูอองต้องหวาดกลัวเจ้ามังกรพ่นไปตัวนี้เป็นเวลานาน
จนกระทั่งวันหนึ่ง นักบวช แซงต์ รูมานีส์ ได้มาเดินทางเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อได้รับรู้ชะตากรรมของชาวบ้าน ท่านก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ โดยมีข้อแม้ว่าหากท่านปราบมังกรตัวนี้ได้ ชาวบ้านจะต้องสร้างโบสถ์ให้ท่านหนึ่งหลัง ซึ่งชาวบ้านก็ตกลงรับ ท่านนักบวชได้เดินทางไปยังถ้ำมังกรโดยไม่มีอาวุธ นอกจากไม้กางเขนและศรัทธาต่อพระเจ้าเท่านั้น และแล้ว ท่านก็สามารถฆ่ามังกรร้ายตัวนี้ได้ และนำกลับมายังหมู่บ้าน ชาวบ้านรูอองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุข หลังจากต้องหวาดกลัวมังกรร้ายมาตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่ามังกรไฟ ลา การ์กุยย์ นี้จะไม่สามารถกลับมาทำร้ายใครได้อีก ชาวบ้านจึงจับมังกรเผามันทั้งเป็น แต่เนื่องจากเจ้า ลา การ์กุยย์ เป็นมังกรพ่นไฟ เพลิงจึงไหม้ไม่หมด เหลือหัวและคอไม่ว่าชาวบ้านจะใช้วิธีใดก็ไม่สามารถทำลายมันได้ เมื่อชาวบ้านสร้างโบสถ์ให้นักบวช ตามสัญญา
นักบวชเลยแนะนำให้เอาหัวมังกรไปประดับไว้กับตัวโบสถ์เพราะเจ้ามังกรนี้มี อำนาจศักด์สิทธิ์ ดังนั้นมันจะสามารถขับไล่มิให้สิ่งชั่วร้ายต่างๆ เข้ามาใน ตัวโบสถ์ได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การนำเอาสัตว์หน้าตาประหลาดต่างๆ มาประดับโบสถ์วิหารก็กลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ในยุโรปและเมื่อชาวยุโรปได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา ก็ได้นำประติมากรรมประหลาดนี้ไปด้วย
ดังนั้น ตามวิหารอาคารในสหรัฐอเมริกาจึงประดับด้วยรูปสลักการ์กอยล์เสมอ
อ้างอิง
การ์กอยล์ . (ม.ป.ป.). วันที่สืบค้น 7 มกราคม 2557, สืบค้นจาก: http://www.l3nr.org/posts/201666
ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรู้นะคะ อ่านเพลินเลย :))
ตอบลบกำลังอยากจะรู้ประวัติของสิ่งนี้อยู่พอดี
ตอบลบเพ้อเจ้อ
ตอบลบเขาไม่ได้เพ้อเจ้อมีแต่คุณนั่นแหละเพ้อเจ้อ😒
ลบได้ความรู้เยอะมากค่ะ😄🤗
ลบคนบางคนนอกจากไม่เปิดรับความรู้ใหม่เเล้วยังไปว่าคนอื่นอีก เเย่ ยิ่งกว่าเพ้อเจ้อ
ลบ