แฮร์รี่ พอตเตอร์ วรรณกรรมก้องโลก

โดย กนิษฐา ธนสีลังกูร

ในโลกปัจจุบันนี้ คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักวรรณกรรมก้องโลกเลื่องชื่อในตอนนี้ หนังสือชุดที่ชื่อว่า “แฮร์รี่ พอตเตอร์” แต่งโดยนามปากกา เจ.เค.โรว์ลิ่ง ซึ่งเธอนั้น ได้มีแนวคิดในการแต่งเรื่องนี้จากการนั่งรถไฟเดินทางจากเมืองแมนเชสเตอร์ไปลอนดอน แนวความคิดนี้ก็เข้ามาความคิดของเธอจากการนั่งรอรถไฟที่สถานีรถไฟคิงส์ครอส ความคิดในครั้งแรกที่เธอนึกได้คือ เด็กผู้ชายสวมแว่นตาทรงกลม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการแต่งเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง
ปกหนังสือ นวนิยาย แฮร์รี่ พอตเตอร์ 7 เล่ม ฉบับ Uk Edition ที่ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในโลก

เรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นเรื่องราวเด็กชายเป็นถูกเลือกไว้ว่าเมื่อโตมาเขาจะเป็นภัยของ ลอร์ด วอร์เดอมอร์ สเนปได้ยินคำทำนายจากทริราวนีจึงได้นำข่าวนี้ไปบอกกับวอร์เดอมอร์ เมื่อวอร์เดอร์มอร์ได้ยินดังนั้นจึงแอบเข้าไปในบ้านพอตเตอร์ที่อยู่ในหมู่บ้านกรอดริก ฮอลโล่วเพื่อสังหารแฮร์รี่ ทันใดนั้นแม่ของแฮร์รี่นำตัวเธอกันคาถาเสกความตายของวอร์เดอมอร์ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แฮร์รี่เสียชีวิต จึงทำให้เขามีส่วนวิญญาณวอร์เดอมอร์อยู่ในตัวเองส่วนหนึ่งทำให้วอร์เดอมอร์สูญเสียพลังอย่างมาก หลังจากที่พ่อแม่ของแฮร์รี่เสียชีวิตในขณะที่เขาอายุได้1ขวบ ดัมเบิลดอร์นำเขาไปฝากไว้ที่บ้านเดอร์สลีย์ซึ่งมีเพ็ตทูเนียซึ่งเป็นพี่สาวของแม่แฮร์รี่ เมื่อแฮร์รี่อายุได้11ปี เขาได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์เพื่อที่จะได้ไปเรียน เพราะเขาเป็นพ่อมด แต่ลุงเวอร์นอนได้ปิดกั้นการรับจดหมายจากฮอกวอตส์ แต่ทางฮอกวอตส์ก็ส่งมาเรื่อยๆจนเต็มบ้านเดอร์สลีย์ ดังนั้นครอบครัวเดอร์สลีย์จึงได้หนีไปที่หลบภัยแต่แฮกริดก็ตามหาจนเจอและได้มาบอกแฮร์รี่ว่าเขาคือพ่อมด หลังจากวันนั้นแฮกริดจึงได้พาแฮร์รี่ไปซื้อของให้กับแฮร์รี่ที่ตรอกไดแอกอน เขาได้ซื้อนกฮูกให้กับแฮร์รี่ตัวหนึ่งเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับแฮร์รี่ หลังจากนั้นแฮร์รี่ได้เดินทางไปสถานีรถไฟคิงส์ ครอสและพบกับครอบครัววิสลีย์และได้เป็นเพื่อนกับรอน นักเรียนคนหนึ่งของฮอกวอตส์ เมื่อถึงฮอกวอตส์แล้วแฮร์รี่ได้ถูกคัดสรรให้อยู่บ้านกริฟฟินดอร์ ระหว่างเทอมแฮร์รี่ได้ต่อสู้กับยักษ์โทรลล์เพื่อช่วยเฮอร์ไมโอนี่และได้เธอมาเป็นเพื่อนสนิทด้วย และเขากลับต้องเจอกับเดรโก มัลฟอยเด็กชายสายเลือดบริสุทธิ์ ลูกชายคนเดียวของตระกูลมัลฟอย ซึ่งไม่ชอบเขานัก โดยในภาคแรกนั้นมีศาสตราจารย์ควีเรลล์ได้ให้วอร์เดอมอร์อาศัยร่างตนในการรักษาตัวแต่แล้วก็ต้องเสียชีวิตลงเพราะต้องการศิลาอาถรรพ์จากแฮร์รี่เพื่อที่วอร์เดอมอร์ต้องการมีชีวิตเป็นอมตะ

ต่อมาเมื่อเขาขึ้นปี 2 ได้มีการรับอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่คือศาสตราจารย์ล๊อคฮาร์ต รวมทั้งมีการเปิดชมรมการต่อสู้โดยใช้เวทมนตร์เรียกว่าการประลองเวทย์ ซึ่งในการประลองเวทย์นั้นทำให้ทุกคนคิดว่าแฮร์รี่คือทายาทสลิธีริน เนื่องจากเขาพูดภาษาพาร์เซลได้ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้มาจากวอร์เดอมอร์ในตอนนั้น และยังมีคนถูกสาปให้เป็นหินจากสัตว์ร้ายในห้องแห่งความลับ หลังจากที่เขาได้พบกับสมุดของทอม ริดเดิ้ลจึงทำให้เขาได้รู้ว่าทอม ริดเดิ้ลคือวอร์เดอมอร์และเขาเป็นทายาทสลิธีริน สมุดนั้นคือฮอครักซ์ของเขา หลังจากที่เขาได้ทำลายสมุดของทอมด้วยเขี้ยวงูบาซิลิกส์แล้วเหตุการณ์ก็กลับมาเป็นปกติ


ภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่สร้างมาแล้วทั้งหมด 7 ภาค โดยภาค 7 ได้แบ่งเป็น 2 พาร์ทคือพาร์ทที่1และ2

เมื่อเขาขึ้นปี3 แฮร์รี่คิดว่าซีเรียส แบล็กเป็นคนของวอร์เดอมอร์ที่ฆ่าพ่อของเขา เขาเสียใจมากโดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ซีเรียสคือพ่อทูนหัวของเขา และที่ติดคุกอัซคาบันเพราะมีความเข้าใจผิดของเพื่อนโดยหางหนอน ลูกน้องของวอร์เดอมอร์ได้โยนความผิดให้กับซีเรียส แฮร์รี่ได้รู้ความจริงเขาเกลียดหางหนอนมาก และลูปินอาจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดปีนั้นก็ได้ปกป้องแฮร์รี่ รวมทั้งสอนคาถาผู้พิทักษ์ให้กับแฮร์รี่ เพื่อไล่ผู้คุมวิญญาณ เขาได้ย้อนเวลาไปช่วยบั๊คบี๊คซึ่งตอนนั้นกำลังจะถูกฆ่าตามคำสั่งของกระทรวงเวทย์มนต์เพราะบั๊คบี๊คเป็นฮิปโปกริฟฟ์ซึ่งเป็นสัตว์วิเศษที่ต้องขึ้นทะเบียนในกระทรวงเวทมนตร์ รวมถึงได้ช่วยซีเรียสที่ติดอยู่ในคุกอัซคาบันและได้ช่วยสำเร็จ

เมื่ออยู่ปี4 ที่ฮอกวอตส์ได้มีการจัดการประลองไตรภาคีและแฮร์รี่ได้มีชื่ออยู่ในนั้น ทั้งที่เขาอายุยังไม่ถึงแต่มีรายชื่อในถ้วยอัคนีและเขาเองก็ไม่ได้นำชื่อตัวเองใส่ลงไปที่ถ้วยอัคนีอีกด้วย แต่เขาก็ได้ร่วมการประลองไตรภาคีครั้งนี้ทุกการทดสอบ แต่ในการทดสอบที่3เป็นการทดสอบครั้งสุดท้าย เขาและเซดริกนักประลองอีกคนได้จับถ้วยประลองไตรภาคี แต่ถ้วยนั้นได้เชื่อมโยงกับบ้านริดเดิ้ล วอร์เดอมอร์กลับคืนชีพอีกครั้งและเซดริกโดนสังหารโดยคาถาเสกความตายโดยหางหนอน

ในปี 5 ได้มีอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดชื่อว่า อัมบริดจ์ ซึ่งเป็นครูที่นักเรียนทุกคนใน ฮอกวอตส์ไม่ชอบมากที่สุดตั้งแต่มีครูมาสอนในรายวิชานี้ แฮร์รี่ได้แอบตั้งชมรมที่มีชื่อว่า “กองทัพ ดัมเบิลดอร์” เพื่อที่จะได้ฝึกคาถาต่างๆ เนื่องจากอัมบริดจ์ไม่ให้ใช้คาถา เวทมนตร์ในโรงเรียน เธอทำตัวเสมือนเธอเองเป็นอาจารย์ใหญ่ในฮอกวอตส์ และดอบบี้เอลฟ์ที่ได้รับอิสระของแฮร์รี่ได้ช่วยเขาหาที่ฝึกคาถา ซึ่งห้องนั้นก็คือ ห้องต้องประสงค์เป็นห้องที่ไม่ในแผนที่ตัวกวน และไม่เคยมีใครเคยเห็นห้องนี้มาก่อน เว้นแต่ผู้ที่ต้องการใช้ห้องต้องประสงค์จึงจะสามารถเห็นห้องนี้ได้ หลังจากนั้นแฮร์รี่ก็ใช้สถานที่แห่งนี้ในการฝึกซ้อมคาถาต่างๆให้กับเพื่อนๆในสมาชิกของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของโช แชงได้นำเรื่องห้องต้องประสงค์ไปบอกกับอัมบริดจ์ว่าห้องต้องประสงค์นั้นอยู่ที่ใดและกลุ่มของแฮร์รี่ก็ถูกอัมบริดจ์จับได้ เมื่อเป็นดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงหลอกอัมบริดจ์ไปที่ป่าต้องห้ามและอัมบริดจ์ก็ถูกสัตว์ในป่านั้นจับตัวไปทำให้พวกแฮรี่หนีรอดมาได้ แต่ไม่นานนักพวกของวอร์เดอร์มอร์นำทีมโดยลูเซียสซึ่งเป็นพ่อของเดรโกก็ปรากฏและพยายามแย่งของลูกแก้วพยากรณ์จากพวกแฮร์รี่ แต่ไม่สำเร็จ ลูเซียสจึงโดนจับขังที่คุกอัซคาบัน

ทำให้ในปี 6 เดรโกต้องมาเป็นผู้เสพความตายและได้รับคำสั่งจากวอร์เดอมอร์ว่าต้องสังหารดัมเบิลดอร์โดยที่วอร์เดอมอร์ไม่จำเป็นต้องบอก เดรโกว่าต้องสังหารดัมเบิลดอร์ด้วยวิธีการใดซึ่งเดรโกไม่อยากทำแต่จำเป็นต้องทำและสุดท้ายสเนปเป็นคนทำหน้าที่นี้แทน หลังจากนั้นทำให้เดรโกรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ แต่เขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้ดีมากจึงทำให้วอร์เดอมอร์ไม่สามารถใช้คาถาอ่านใจเขาและเขาเองก็ไม่ทราบเลยว่าตนเองนั้นได้เป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ซึ่งเป็นไม้กายสิทธิ์ที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งโลกเวทมนตร์

ต่อมาในภาค 7 เดรโกก็ได้อยู่ฝ่ายวอร์เดอมอร์ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ หลังจากนั้นแฮร์รี่ได้ตามหาฮอครักซ์และทำลายทุกชิ้นรวมทั้งในตัวของแฮร์รี่ซึ่งวอร์เดอมอร์เป็นคนทำลายฮอครักซ์ในตัวแฮร์รี่เอง จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมแฮร์รี่ถึงโดนคาถาเสกความตายแล้วทำไมถึงไม่เสียชีวิต พอแฮร์รี่ฟื้นกลับมาอีกครั้งสงครามก็เป็นไปอย่างดุเดือด ฝ่ายที่ชนะคือแฮร์รี่ ส่วนวอร์เดอมอร์นั้นก็ตกนรกไม่ได้เกิดอีก


หนังสือบทละครเวทีแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 8 แบ่งเป็น2พาร์ทคือพาร์ท1และ2 เป็นเรื่องราวของ19ปีต่อมาหลังจากสงครามฮอกวอตส์สิ้นสุดลง

ในเล่มที่8 เป็นเล่มของ19ปีต่อมาถัดจากสงครามในฮอกวอตส์ได้จบลง เป็นเรื่องราวของลูกๆแฮร์รี่ที่ได้ไปเรียนต่อที่ฮอกวอตส์โดยที่เหตุการณ์ต่อจากเล่มที่7 ว่า อัลบัส(ลูกคนที่2ของแฮร์รี่กับจินนี่)จะถูกคัดสรรให้อยู่บ้านใดระหว่างสลิธีรินกับกริฟฟินดอร์ ซึ่งเจ.เค.โรว์ลิ่งเขียนหนังสือเล่มนี้ให้เป็นบทละครเวทีและเป็นการผจญภัยของลูกๆแฮร์รี่คืออัลบัส สกอร์เปียส(ลูกของเดรโกกับเอสทรอเรีย) และโรส(ลูกของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่) อัลบัสกับสกอร์เปียสเป็นเพื่อนกันเนื่องจากอยู่บ้านหลังเดียวกันคือ สลิธีริน อัลบัสอยากไปช่วยเซดริกจึงแอบเอาเครื่องย้อนเวลาไปช่วยเซดริก แต่พอย้อนมาเวลาปัจจุบัน ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปสกอร์เปียสไม่พบกับอัลบัสจึงไปถามศาสตราจารย์อัมบริดจ์ว่าอัลบัสหายไปไหนแต่ปรากฏว่านี่คือโลกของวอร์เดอมอร์ สกอร์เปียสเสียใจมาก และได้ย้อนเวลาแก้ไขสิ่งต่างๆในอดีตจึงทำให้เป็นปัจจุบันอัลบัสกลับมาอีกครั้งแต่แฮร์รี่ได้กีดกันห้ามให้อัลบัสคบกับสกอร์เปียสอีกเพียงเพราะว่าพ่อของเขาเคยเป็นศัตรูกัน ดังนั้นเดรโกจึงมาคุยกับแฮร์รี่ให้เข้าใจว่าการที่ไม่มีเพื่อนและอยู่อย่างโดดเดี่ยวมันมีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากให้อัลบัสกับลูกของตัวเองอยู่ห่างกันแบบนี้เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับรุ่นลูกเลย ทุกคนปรับความเข้าใจกันและอัลบัสกับสกอร์เปียสกำลังจะเอาเครื่องย้อนเวลาไปทำลายแต่เดลฟี่หลานของดิกอรี่ก็ได้นำเครื่องย้อนเวลาไปและเฉลยตัวเองว่าแท้จริงแล้วเธอคือลูกของวอร์เดอมอร์กับเบลลาทริกซ์หลังจากที่ทั้ง3คนพลัดหลงมาที่เหตุการณ์ของพ่อแม่แฮร์รี่ก่อนที่จะถูกฆ่าและอัลบัสได้เขียนขอความช่วยเหลือจากแฮร์รี่ในผ้าห่มที่แฮร์รี่เคยให้อัลบัสไว้ แฮร์รี่ได้ช่วยอัลบัส และทุกคนก็กลับมาปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย

จากการที่ได้อ่านหนังสือและชมภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ทำให้ได้แง่คิดดีๆ คือ คนทุกคนย่อมมีสิ่งที่ดีและไม่ดีอยู่ในตัวเองทุกคน ใช่ว่าคนไม่ดีก็จะไม่ดีเสมอไปและใช่ว่าคนดีจะดีเสมอไป เราทุกคนควรมองคนที่ภายในจิตใจของเขาและการกระทำของเขามากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก เฉกเช่นบ้านแต่ละบ้านของฮอกวอตส์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น สลิธีรินก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนไม่ดีเสมอไป กริฟฟินดอร์บางคนก็ไม่ได้ใจกล้า เรเวนคลอบางคนก็ไม่ได้ฉลาดล้ำ และฮัฟเฟิลพัฟบางคนก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนอ่อนแอ ดังนั้นในความรู้สึกจากการได้อ่านและได้ชมนั้น ทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า จุดจบของตัวละครแต่ละตัวนั้นเป็นเช่นไร

แง่คิดต่างๆ จากเรื่องนี้มีหลากหลายแง่คิดมาก ทำให้เราได้ทราบว่าทำไมเด็กๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ถึงชื่นชอบหนังสือวรรณกรรรมแฮร์รี่ พอตเตอร์ และทำไมหนังสือเล่มนี้ เมื่อเริ่มวางจำหน่ายถึงได้เป็นหนังสือที่มียอดขายสูงที่สุดในการวางจำหน่ายแต่ละครั้ง สุดท้ายนี้ก็ขอให้ผู้ที่ได้มาอ่านบทความนี้ได้มีความสุขกับการอ่านเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์  และผู้เขียนบทความคาดหวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกท่านได้ให้ความสนใจ ชื่นชอบและเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์เฉกเช่นผู้เขียนบทความนี้เอง


อ้างอิง

ที่มา : J.K. Rowling.(1997).Harry Potter and the Philosopher’s Stone(UK Edition)(19th ed.).London: Bloomsbury.

J.K. Rowling. (2543). แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ห้องแห่งความลับ(ภาษาไทย)(พิมพ์ครั้งที่ 30).กรุงเทพมหานคร:นานมีบุ๊คส์.

J.K. Rowling.(1999). Harry Potter and the Prisoner of Askaban(UK Edition)(15th ed.). London: Bloomsbury.

J.K. Rowling.(2001). Harry Potter and the Goblet of Fire(UK Edition)(1st ed.).London:Bloomsbury.

Joanne K. Rowling.(2010). Harry Potter und der Orden of Phönix(German Edition)(1st ed.).
Frankfurt: Carlsen.

J.K. Rowling.(2005). Harry Potter and the Half-blood Prince(UK Edition)(13th ed.).London:
Bloomsbury.

J.K. Rowling.(2013). Harry Potter and the Deathly Hallows(US Edition)(40th ed.).New York: Scholastic.

J.K. Rowling,John Tiffany&Jack Throne.(2016).Harry Potter and the Cursed Child(UK Edition)
(1st ed.). London:Little, Brown.

J.K. Rowling.(2016).J.K. Rowling’s Wizarding World.ค้นเมื่อ1กันยายน2559,จาก: https://www.pottermore.com/features

A.T.Riddle.(2015).สารานุกรมแฮร์รี่ พอตเตอร์.ค้นเมื่อ1กันยายน 2559,จาก: http://www.muggle-v.com/harrypotterencyclopedia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น