ชนเผ่าเมารี (Maori)

โดย ขวัญหทัย สติยานุช

เมื่อกล่าวถึงประเทศนิวซีแลนด์ สิ่งที่ผู้คนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆนอกจากจะเป็นฝูงแกะ และนกกีวี (Kiwi) แล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นชนเผ่าเมารี ซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีเชื้อสายโพลินีเซีย เผ่าเมารีเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนหมู่เกาะนิวซีแลนด์ ก่อนที่ชนผิวขาวจะเข้าครอบครอง

เมารี (Maori) แปลว่า คนธรรมดา หรือธรรมชาติ เริ่มมีการนำคำนี้มาใช้แทนการเรียกกลุ่มของชนพื้นเมืองในช่วง ค.ศ. 1830 ที่มีการเข้ามาของชาวผิวขาว ส่วนพวกคนผิวขาวเรียกว่า ปาเกฮา (Pakeha) เพื่อเป็นแยกระหว่างกลุ่มคนผิวขาวและคนพื้นเมือง

บรรพบุรุษของชาวเมารีเดินทางจากโพลีนีเซียนตะวันออกที่เรียกว่า ฮาวายกิ (Hawaiki) ซึ่งเชื่อว่าชาวโพลีนีเซียนเผ่านี้ได้เดินทางจากการสำรวจกระแสน้ำในมหาสมุทร ทิศทางลม และดวงดาว จากนั้นมีการสร้างเรือแคนูที่เรียกว่า “วากา” บรรทุกสุนัข หนู เผือก และ มันเทศลงเรือ เพื่อมุ่งหน้ามายังเกาะเหนือและเกาะใต้ของนิวซีแลนด์เมื่อราว ค.ศ. 800 ซึ่งที่นี่เป็นดินแดนสุดท้ายที่ชาวโพลินีเซียได้ค้นพบและเข้าครอบครอง อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยครอบครอง โดยพวกเขาอาศัยรวมกันเป็นเผ่าซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ



แต่เดิมมีการดำรงชีพโดยการเก็บของป่าและล่าสัตว์ เช่น แมวน้ำ และนกยักษ์ที่มีชื่อโมอา (Moa) มีการตกปลา ยิงนก และหาหอย อีกทั้งเมารียังมีความชำนาญในการแกะสลัก และการต่อเรือ ต่อมาเมื่อนกโมอาและนกบินไม่ได้ขนาดใหญ่ชนิดอื่นๆสูญพันธุ์ไปจนหมดเมื่อราว 600 ปีก่อน ทำให้ชาวเมารีหันมาเพาะปลูกและทำกสิกรรม แต่ในขณะเดียวกันการที่ปริมาณอาหารลดน้อยลงก็ทำให้เผ่าต่าง ๆ เริ่มทำสงครามต่อสู้แย่งชิงทรัพยากรกันมากขึ้น จนแต่ละหมู่บ้านต้องสร้างป้อมค่ายล้อมรอบเพื่อป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม

เนื่องด้วยสังคมที่มีการจัดระเบียบและการป้องกันอย่างเข้มแข็งนี้เอง ที่มีส่วนช่วยในการคุ้มกันชาวเมารีในช่วงที่ชาวผิวขาวเริ่มอพยพเข้าสู่นิวซีแลนด์ในค.ศ. 1820 โดยชาวเมารีจำนวนมากได้รับการศึกษาและรู้จักฝึกฝนใช้อาวุธปืนแบบชาวผิวขาว และต่อมาดินแดนริมฝั่งทะเล ที่ชาวเมารีเคยครอบครองถูกซื้อ โดยมีการแลกเปลี่ยนกับอาวุธ สิ่งของเครื่องใช้ จากชาวผิวขาว และเมื่อชาวเมารี มีอาวุธที่ทันสมัยในการครอบครอง ก็ ทำให้เมารีต่างเผ่า หันมาทำสงครามกันเอง อย่างต่อเนื่อง  จนประชากรเมารีลดน้อยลง อย่างน่าใจหาย  กอปรกับในปีค.ศ. 1840 ได้มีเชื้อโรค จากชาวผิวขาว โดยเฉพาะหวัด และกามโรคเข้ามา เนื่องจากขาดภูมิคุ้มกันทำให้เชื้อโรคเหล่านี้คร่าชีวิตชาวเมารี ทั้งชายและหญิง ไปเป็นจำนวนมาก

หลังจากอังกฤษได้เข้ายึดดินแดนแห่งนี้แล้ว ก็ได้ส่ง  กัปตันวิลเลียม ฮอบสัน (William Hobson) เข้ามาดูแล และได้เจรจาเกลี้ยกล่อม ให้หัวหน้าเผ่าเมารี 45 คน ในเวลานั้น มาทำสัญญาสงบศึกกันที่ "ไวตังกิ" (Waitangi) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1840  ซึ่งปัจจุบันถือเป็น "วันชาติของนิวซีแลนด์" (Waitangi Day) โดยสนธิสัญญาไวตังกินี้ นอกจากจะเป็นการสงบศึก ระหว่างเมารีต่างเผ่าแล้ว ยังเป็นการพยายาม ขจัดข้อขัดแย้งระหว่างเมารี กับชนผิวขาวที่เกิดขึ้นอีกด้วย  สนธิสัญญาฉบับนี้ถือเป็นการรับทราบในกรรมสิทธิ์ที่ดินของชาวเมารีโดยแลกกับการที่ชาวเมารีจะยอมรับอำนาจอธิปไตยของอังกฤษ ทว่าสนธิสัญญาดังกล่าวมักถูกละเมิดโดยฝ่ายผู้อพยพชาวผิวขาวที่เข้ามาบุกรุกที่ดินของชาวเมารีเสมอ


ที่มา : http://www.meepanda.com/

ความขัดแย้งได้ขยายความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ของเกาะเหนือของนิวซีแลนด์จนกลายเป็นสงครามต่อต้านชนต่างชาติบนเกาะเหนือ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปีค.ศ. 1845 โดยพวกเมารีได้ยกพลเข้าต่อสู้กับผู้รุกรานชาวผิวขาวอย่างดุเดือด ถึงแม้ชาวผิวขาวจะมีอาวุธที่ทันสมัย แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในการทำสงครามกองโจร ทั้งยังรู้จักการสร้างป้อมค่ายตั้งรับข้าศึก และเมื่อถูกชาวผิวขาวยิงปืนใหญ่เข้าถล่ม พวกนักรบเมารีก็จะหลบลงไปซ่อนในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ ก่อนจะกรูกันออกมาโจมตีเมื่อได้โอกาส ความขัดแย้งนี้ ก็ยังคงมีอยู่ จนถึงปี ค.ศ.1872 และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ ของชาวเมารี ซึ่งมีทั้งกำลังคน และกำลังอาวุธที่น้อยกว่า

เนื่องจากชนผิวขาว ที่อพยพเข้าสู่นิวซีแลนด์ ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 ล้วนแต่เป็นบุคคลที่รักสงบ และด้วยสภาพธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ชีวิตของชนผิวขาว เริ่มเข้าที่เข้าทาง ชนพื้นเมืองเมารีดั้งเดิม ก็ให้การยอมรับนับถือ เปรียบเสมือนเป็นผู้คนที่ทัดเทียมกัน ความขัดแย้งระหว่างเมารี กับคนขาวจึงค่อย ๆ จางหายไป กอปรกับการแต่งงานระหว่างคนขาว กับเมารีก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ประชากรเมารีมีจำนวนมากกว่า 400,000 คน และส่งผลให้มีการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมในบางกลุ่ม ปัจจุบันประชากรเมารี มีอยู่ประมาณร้อยละ 15 ของประชากรทั้งหมด

นับว่าชาวเมารีเป็นชนพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีอารยธรรม เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ในเรื่องของรอยสัก มีจิตใจกล้าหาญ มีความเป็นนักรบโดยชาติพันธุ์  และยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม รวมทั้งยังคงรักษาภาษาของตนเอาไว้ตราบจนทุกวันนี้


อ้างอิง

au_jean. 2556. เมารีชนพื้นเมืองนิวซีแลนด์. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2558, จาก: http://www.bloggang.com/

KiwiToday Education Centre. มปป. ภาษาและวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2558, จาก:
http://www.kiwitoday.com/

May_orasa. 2554. ชาวเมารี(Maori). สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2558, จาก:
http://mayorasa.blogspot.com/2011/02/maori.html

Puma. 2012. ชนเผ่าเมารีแห่งนิวซีแลนด์. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2558 , จาก: http://www.komkid.com/   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น