โดย ศศิธร กุมเหลา
ในเช้าวันที่ 11 กันยายน 2001 เป็นวันที่คนทั่วทั้งโลกต้องช็อค เพราะไม่มีใครเชื่อว่าประเทศที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก และเป็นประเทศที่มีระบบการป้องกันประเทศอย่างเข้มแข็งอย่างสหรัฐอเมริกา จะถูกโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินสัญชาติตัวเอง เหตุการณ์วินาศกรรมช็อกโลกดังกล่าว เรียกกันสั้นๆ ว่า เหตุการณ์ 9/11
เหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นโดยผู้ก่อการร้ายทั้งหมด 19 คนซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายที่พร้อมพลีชีพในแผนปฏิบัติการครั้งนี้ ผู้ก่อการร้ายแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มเพื่อแอบแฝงเดินทางกับเครื่องบินโดยสารทั้ง 4 ลำ ซึ่งล้วนแต่เป็นเครื่องบินโดยสารที่มีเวลาออกเดินทางใกล้เคียงกันและเป็นเที่ยวบินที่เดินทางไกลเพราะว่าจะบรรทุกน้ำมันเยอะๆ เมื่อแผนการในขั้นแรก คือผู้ก่อการร้ายสามารถเข้าไปแฝงตัวอยู่ภายในเครื่องบินได้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมดังที่วางแผนไว้จึงลงมือปฏิบัติการจี้เครื่องบินโดยสารก่อวินาศกรรมขึ้นทันที ซึ่งมีลำดับเหตุการณ์ตามเวลาท้องถิ่นดังนี้
เมื่อเวลา 08:45 น. ผู้ก่อการร้ายได้จี้เครื่องบินโดยสารของสารการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 11 บรรจุผู้โดยสารทั้งหมด 92 คน ซึ่งกำลังมุ่งหน้าจากเมืองบอสตันเข้าชนกับอาคารเหนือของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ โดยเครื่องบินเข้าพุ่งชนส่วนบนของตึกเต็มๆ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ตึกอย่างรวดเร็ว
เวลา 09:03 น. ในเวลาไล่เลี่ยกัน เครื่องบินโดยสารของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 175 บรรจุผู้โดยสาร 65 เดินทางจากเมืองบอสตันเช่นกัน เข้าพุ่งชนตัวอาคารใต้ของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
เวลา 09:43 น. อีก 40 นาทีต่อมาเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินที่ 77 ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ เข้าชนกับอาคารเพนตากอน ทำให้บางส่วนของอาคารถล่มลง และในขณะนั้นเองก็มีรายงานการตกของเครื่องบินลำที่ 4 คือสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 93 ซึ่งคาดว่าผู้ก่อการร้ายมีแผนที่จะทำลายที่ทำการของรัฐบาลที่ทำเนียบขาวนั่นเอง ซึ่งตกที่รัฐเพนซิลวาเนียซะก่อน ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจพลีชีพของกัปตันเครื่องบินและลูกเรือเพื่อปกป้องทำเนียบขาวเอาไว้
จากนั้นในเวลา 10 นาฬิกาโดยประมาณ อาคารใต้ของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ก็ได้ถล่มลงมา ทำให้ทั่วบริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน และในเวลาต่อมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอาคารเหนือของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ก็ได้ถล่มตามมาติดๆ ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก
จากเหตุการณ์ก่อการร้ายดังกล่าว ทางสหรัฐอเมริกา พุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ทันที ซึ่งมีนาย อุซามะฮ์ บินลาดิน เป็นผู้นำกลุ่ม ในตอนแรก อุซามะฮ์ บินลาดิน เขาได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ภายหลัง 3 ปี ต่อมาเขาจึงได้ออกมายอมรับว่าตนและกลุ่มอัลกออิดะฮ์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งสาเหตุมากจากคามไม่พอใจของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ที่มีต่อมีสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าสหรัฐได้ให้การสนับสนุนและช่วยอิสราเอล และมีการคงกองกำลังทหารอยู่ในซาอุดิอาระเบีย ตลอดจนสหรัฐมีนโยบายคว่ำบาตรอิรัก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นฉนวนเหตุและแรงจูงใจให้ทำการก่อเหตุดังกล่าว
การก่อวินาศกรรมครั้งนี้จุดประสงค์หลักคือการลุกขึ้นมาตอบโต้การกระทำของสหรัฐที่เข้ามาแทรกแทรง ซึ่งมีแผนการทำลายส่วนที่เป็นหัวใจหรือเป็นส่วนที่สำคัญของที่สุดของสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ อาคารเพนตากอน และทำเนียบขาว สถานที่ที่เป็นที่ทำการของรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ซึ่งแผนปฏิการก่อการร้ายดังกล่าวก็ทำการสำเร็จ เมื่อกลุ่มก่อการณ์ร้ายสามารถจี้เครื่องบินและบังคับให้กับตันขับเข้าพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดทั้งสอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญได้สำเร็จ ส่วนเครื่องบินอีกลำก็ได้พุ่งเข้าชนอาคารเพนตากอน ทำให้ตัวอาคารเสียหายบางส่วน และเครื่องบินอีกลำที่คาดว่าจะมุ่งหน้าที่ทำเนียบขาวปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ ทำให้เครื่องบินตกบริเวณรัฐเพนซิลวาเนีย
ภายหลังจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม ได้สร้างความสะเทือนใจและทำลายขวัญแก่ชาวอเมริกาเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตมากว่า 3000 คน ตลอดจนสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน แก่เศรษฐกิจ ซึ่งประเมินค่าความเสียหายไม่ได้ และการตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาต่อกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ก็เกิดขึ้น เมื่อประธานาธิบดีซึ่งตอนนั้นคือ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ประกาศทำสงครามกับประเทศที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนทันที และมีการล่าตัวของนาย อุซามะฮ์ บินลาดิน เพื่อมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งภายหลังในช่วงเวลา 10 ปี รัฐบาลของประธานาธิบดี บรารัค โอบามา พร้อมกับหน่วยปฏิบัติการ ซีล 6 ก็สามารถปลิดชีพของบินลาดินได้
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำที่เลวร้ายแก่ทุกคน โดยเฉพาะกับชาวสหรัฐอเมริกาเอง ซึ่งกว่า 13 ปีที่ผ่านมาถึงตอนนี้ ในความรู้สึกของชาวอเมริกันเห็นว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายทำลายได้เพียงแค่วัตถุเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำลายความเป็นพี่น้องของชาวอเมริกันได้เลย และการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจที่แข็งแกร่งมากขึ้น แต่ปัญหาการก่อการร้ายก็ยังไม่จบสิ้น กลับยิ่งทวีความรุนแรงมากมากกว่าเดิม เหตุการณ์ก่อการร้ายอาจยังคงมีอยู่เป็นระลอก ตราบใดที่อเมริกายังไม่ทบทวนนโยบายการต่างประเทศในการเข้าไปแทรกแซงประเทศต่างๆ ใหม่
อ้างอิง
วินาศกรรมถล่มตึกเวิลด์เทรด (9/11).สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2558, จาก: http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?id=92763
วินาศกรรม 11 กันยายน 2544. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2558, จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/
วินาศกรรมถล่มตึกเวิลด์เทรด(9/11). สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2558, จาก: http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?id=92763
ในเช้าวันที่ 11 กันยายน 2001 เป็นวันที่คนทั่วทั้งโลกต้องช็อค เพราะไม่มีใครเชื่อว่าประเทศที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก และเป็นประเทศที่มีระบบการป้องกันประเทศอย่างเข้มแข็งอย่างสหรัฐอเมริกา จะถูกโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินสัญชาติตัวเอง เหตุการณ์วินาศกรรมช็อกโลกดังกล่าว เรียกกันสั้นๆ ว่า เหตุการณ์ 9/11
เหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นโดยผู้ก่อการร้ายทั้งหมด 19 คนซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายที่พร้อมพลีชีพในแผนปฏิบัติการครั้งนี้ ผู้ก่อการร้ายแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มเพื่อแอบแฝงเดินทางกับเครื่องบินโดยสารทั้ง 4 ลำ ซึ่งล้วนแต่เป็นเครื่องบินโดยสารที่มีเวลาออกเดินทางใกล้เคียงกันและเป็นเที่ยวบินที่เดินทางไกลเพราะว่าจะบรรทุกน้ำมันเยอะๆ เมื่อแผนการในขั้นแรก คือผู้ก่อการร้ายสามารถเข้าไปแฝงตัวอยู่ภายในเครื่องบินได้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมดังที่วางแผนไว้จึงลงมือปฏิบัติการจี้เครื่องบินโดยสารก่อวินาศกรรมขึ้นทันที ซึ่งมีลำดับเหตุการณ์ตามเวลาท้องถิ่นดังนี้
ภาพเหตุการณ์เครื่องบินกำลังบินเข้าพุ่งชนตึกเวิลด์เทรด
เวลา 09:03 น. ในเวลาไล่เลี่ยกัน เครื่องบินโดยสารของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 175 บรรจุผู้โดยสาร 65 เดินทางจากเมืองบอสตันเช่นกัน เข้าพุ่งชนตัวอาคารใต้ของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
เวลา 09:43 น. อีก 40 นาทีต่อมาเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินที่ 77 ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ เข้าชนกับอาคารเพนตากอน ทำให้บางส่วนของอาคารถล่มลง และในขณะนั้นเองก็มีรายงานการตกของเครื่องบินลำที่ 4 คือสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 93 ซึ่งคาดว่าผู้ก่อการร้ายมีแผนที่จะทำลายที่ทำการของรัฐบาลที่ทำเนียบขาวนั่นเอง ซึ่งตกที่รัฐเพนซิลวาเนียซะก่อน ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจพลีชีพของกัปตันเครื่องบินและลูกเรือเพื่อปกป้องทำเนียบขาวเอาไว้
จากนั้นในเวลา 10 นาฬิกาโดยประมาณ อาคารใต้ของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ก็ได้ถล่มลงมา ทำให้ทั่วบริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน และในเวลาต่อมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอาคารเหนือของตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ก็ได้ถล่มตามมาติดๆ ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก
ภาพโฉมหน้าของ อุซามะฮ์ บินลาดิน ผู้อยู่เบื้องการก่อวินาศกรรม 9/11
การก่อวินาศกรรมครั้งนี้จุดประสงค์หลักคือการลุกขึ้นมาตอบโต้การกระทำของสหรัฐที่เข้ามาแทรกแทรง ซึ่งมีแผนการทำลายส่วนที่เป็นหัวใจหรือเป็นส่วนที่สำคัญของที่สุดของสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ อาคารเพนตากอน และทำเนียบขาว สถานที่ที่เป็นที่ทำการของรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ซึ่งแผนปฏิการก่อการร้ายดังกล่าวก็ทำการสำเร็จ เมื่อกลุ่มก่อการณ์ร้ายสามารถจี้เครื่องบินและบังคับให้กับตันขับเข้าพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดทั้งสอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญได้สำเร็จ ส่วนเครื่องบินอีกลำก็ได้พุ่งเข้าชนอาคารเพนตากอน ทำให้ตัวอาคารเสียหายบางส่วน และเครื่องบินอีกลำที่คาดว่าจะมุ่งหน้าที่ทำเนียบขาวปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ ทำให้เครื่องบินตกบริเวณรัฐเพนซิลวาเนีย
ภายหลังจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม ได้สร้างความสะเทือนใจและทำลายขวัญแก่ชาวอเมริกาเป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตมากว่า 3000 คน ตลอดจนสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน แก่เศรษฐกิจ ซึ่งประเมินค่าความเสียหายไม่ได้ และการตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาต่อกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ก็เกิดขึ้น เมื่อประธานาธิบดีซึ่งตอนนั้นคือ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ประกาศทำสงครามกับประเทศที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนทันที และมีการล่าตัวของนาย อุซามะฮ์ บินลาดิน เพื่อมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งภายหลังในช่วงเวลา 10 ปี รัฐบาลของประธานาธิบดี บรารัค โอบามา พร้อมกับหน่วยปฏิบัติการ ซีล 6 ก็สามารถปลิดชีพของบินลาดินได้
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำที่เลวร้ายแก่ทุกคน โดยเฉพาะกับชาวสหรัฐอเมริกาเอง ซึ่งกว่า 13 ปีที่ผ่านมาถึงตอนนี้ ในความรู้สึกของชาวอเมริกันเห็นว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายทำลายได้เพียงแค่วัตถุเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำลายความเป็นพี่น้องของชาวอเมริกันได้เลย และการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจที่แข็งแกร่งมากขึ้น แต่ปัญหาการก่อการร้ายก็ยังไม่จบสิ้น กลับยิ่งทวีความรุนแรงมากมากกว่าเดิม เหตุการณ์ก่อการร้ายอาจยังคงมีอยู่เป็นระลอก ตราบใดที่อเมริกายังไม่ทบทวนนโยบายการต่างประเทศในการเข้าไปแทรกแซงประเทศต่างๆ ใหม่
อ้างอิง
วินาศกรรมถล่มตึกเวิลด์เทรด (9/11).สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2558, จาก: http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?id=92763
วินาศกรรม 11 กันยายน 2544. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2558, จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/
วินาศกรรมถล่มตึกเวิลด์เทรด(9/11). สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2558, จาก: http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?id=92763
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น