คิม จองอิล (Kim Chŏngil)

โดย จันทกานต์ กิจสูงเนิน

เมื่อพูดถึงประเทศที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมหรือที่เราเรียกว่าระบอบคอมมิวนิสต์ ในทวีปเอเชียนั้นแน่นอนว่าต้องนึกถึงประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง มีกองทัพที่แข็งแกร่งติดอันดับโลกและที่สำคัญคือ มีอดีตผู้นำที่ทรงอิทธิพลเรียกได้ว่ามีอำนาจมากที่สุดในประเทศ ประชาชนต่างเรียกเขาว่า “บิดาที่รัก” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ คิม จองอิล

คิม จองอิล (Kim Chŏngil) เป็นอดีตผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี(เกาหลีเหนือ) เขาเป็นเลขาธิการพรรคกรรมกรเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลตั้งแต่ ค.ศ.1948 เป็นประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศแห่งเกาหลีเหนือ และเป็นผู้บัญชาการกองทัพประชาชนเกาหลีสูงสุด อีกทั้งเขายังถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 31 ของบุคคลทรงอำนาจที่สุดของโลกอีกด้วย


ที่มา : http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=350390              

คิม จองอิล เป็นบุตรชายของ คิม อิลซอง ผู้นำคนแรกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี และนางคิม จอง ซุค เขาเกิดที่ค่ายทหารโซเวียตในไซบีเรีย ตามบันทึกโซเวียต แต่ตามบันทึกเกาหลีเหนือบอกว่าเขาเกิดบนภูเขาแพกตูที่เป็นยอดภูเขาสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1942

ในตอนเด็กเขามีชื่อเล่นเป็นภาษารัสเซียว่า ยูรา เขาใช้ชื่อนี้มาเรื่อยๆจนจบมัธยมปลาย คนอื่นๆจึงเริ่มเรียกเขาว่า คิม จองอิล

เขาสำเร็จการศึกษาขึ้นพื้นฐานระหว่างเดือนกันยายน ค.ศ.1950 และสิงหาคม ค.ศ.1960 ในกรุงเปียงยาง ซึ่งตลอดการศึกษาในโรงเรียนนั้น เขาได้เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่เสมอ เขาได้ร่วมในสหภาพเด็กและสันนิบาติเยาวชนประชาธิปไตยแห่งเกาหลีเหนือ ผลงานที่โดดเด่นในตอนนั้น คือ เขาดำเนินตามโครงการต่อต้านการถือพวกพ้องและพยายามกระตุ้นการศึกษาอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเขา

เขาเริ่มเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในเดือนกันยายน ค.ศ.1960 ที่มหาวิทยาลัยคิมอิลซอง เพราะเป็นมหาวิทยาลัยซึ่งผู้เป็นบิดาของเขาเป็นคนสร้าง โดยเขาเข้าศึกษาในสาขา เศรษฐศาสตร์การเมือง และก่อนที่เขาจะสำเร็จการศึกษา เขาได้ทำปริญญานิพนธ์ในหัวข้อ “the role and status of gun in socialism building”หรือบทบาทและสถานะของปืนในการสร้างระบบสังคมนิยม โดยเขาได้อธิบายช่องว่างระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบท บทบาทของปืนและอาวุธต่างๆที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงสังคมชนบทให้กลายเป็นสังคมเมือง

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1982 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาประชาชนสูงสุด ในขณะนั้นเองเขาถือกำเนิดขึ้นเป็นบุคคลทรงอำนาจที่สุดรองจากบิดาของเขาในเกาหลีเหนือ หลังจากนั้นในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ.1991 เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเกาหลีเหนือ และเนื่องจากกองทัพเป็นรากฐานอำนาจที่แท้จริงในเกาหลีเหนือ ดังนั้นนี่จึงเป็นก้าวสำคัญในการมีอำนาจของเขา

ต่อมาหลังจากที่ คิม อิลซอง เสียชีวิตใน ค.ศ.1994 ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการให้เขาเป็นตำแหน่งสูงสุดของรัฐ ดังนั้น คิม จองอิล จึงถูกเรียกว่าเป็นประมุขแห่งรัฐของเกาหลีเหนือนับแต่นั้นมา

ขณะที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำ ใน ค.ศ.1944 เกาหลีเหนือต้องงเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจและความอดอยาก และแม้ว่าในประเทศจะประสบปัญหาขาดแคลนอย่างหนักในขณะนั้นก็ตาม เขาก็ได้ประกาศนโยบาย ซองกุน หรือ “ทหารมาก่อน” (Millitary First) คือ นโยบายการใช้ทรัพยากรไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีความก้าวหน้าทางการทหารเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นการป้องกันประเทศเกาหลีเหนือจากการคุกคามของชาติตะวันตก อย่างที่ทราบกันว่าเกาหลีเหนือได้มีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์นั่นเอง

จากการที่เศรษฐกิจของประเทศเสียหายอย่างรุนแรง เขาจึงได้ทำการปฏิรูปเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ โดยเริ่มอนุมัติกิจกรรมการแลกเปลี่ยนและการค้าขนาดเล็กอย่างเป็นทางการ ซึ่งการที่เขานำ “การปฏิบัติเศรษฐกิจของตลาดหลักเขตประเภทสังคมนิยม” มาใช้ใน ค.ศ.2002 นี้ ยังสามารถประคับประคองให้เกาหลีเหนือไม่ล่มจม แม้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องก็ตาม

ในด้านชีวิตสมรสคิมจองอิล เริ่มความสัมพันธ์กับดาราชื่อดังของเกาหลีเหนือ คือ ซองฮเยริม และเธอได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกแก่คิมจองอิล คือ คิมจองนัม แต่ว่าคิมจองอิลได้ปิดบังเรื่องความสัมพันธ์นี้ไว้เป็นความลับ ต่อมาเขาได้สมรสกับ นางคิมยองซุก เมื่อ ค.ศ.1974 และในปีต่อมาได้ให้กำเนิดบุตรสาว คือ คิมซอลซง หลังจากนั้นเขาก็ได้มีความสัมพันธ์กับภรรยานอกสมรสคนที่สอง คือ นางโคยองฮี ซึ่งได้ให้กำเนิดบุตรชายสองคน คือ คิมจองซอล เมื่อปี ค.ศ.1981 และ คิมจองอึน เมื่อปี ค.ศ.1983 ต่อมาเมื่อเขาได้ขึ้นเป็นผู้นำเกาหลีเหนือ จึงได้ตั้งนางโคยองฮีเป็นสตรีหมายเลขหนึ่ง และตั้งใจจะผลักดันให้ คิมจองนัม บุตรชายคนโตเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำเกาหลีเหนือ แต่ทว่าเกิดเหตุการณ์ที่ คิมจองนัม ทำให้บิดาต้องผิดหวังจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนตัวผู้สืบทอดตำแหน่งเป็นบุตรชายคนเล็ก คือ คิมจองอึน ในที่สุด

คิม จองอิล ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยสาเหตุทำงานมากเกินไป จนทำให้ทั้งทางร่างกายและจิตใจรับไม่ไหว เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2011 ที่กรุงเปียงยาง ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของประชาชนทั้งประเทศ

แม้ว่า คิม จองอิล จะถูกมองจากต่างชาติว่าเป็นผู้นำที่เผด็จการและโหดร้าย แต่สำหรับประชาชนในเกาหลีเหนือนั้น ท่านผู้นำของพวกเขาถือเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิต เพราะเขามีความมุ่งมั่นพยายาม มีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์สูง ปกป้องและรักประเทศชาติเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ คิม จองอิล ได้ปลูกฝังให้กับประชาชนของเขาเอง และนั่นถือเป็นสิ่งดีที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หากเราทุกคนมีความพยายามและมุ่งมั่นตั้งใจในการทำสิ่งใดแล้ว ความสำเร็จก็จะไม่ไกลเกินเอื้อม

อ้างอิง

ปรัญา วรรณวิจิตร. 2559. สิ้นยุค คิมจองอิล สิ้นคอมมิวนิสต์. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 2 มีนาคม 2559, จาก: http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=350390.

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. 2559. คิม จองอิล. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2559, จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/คิม_จ็อง-อิล

Mr.scoop. 2559. ประวัติ คิม จองอิล. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2559, จาก: http://scoop.mthai.com/hot/3647.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น