โดย วสันต์ เสตสิทธิ์
เนื่องจากประเทศต่างๆในแถบตะวันออกกลาง มีความแตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และศาสนา อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมากมาย เช่นศาสนาอิสลาม มีสองนิกายใหญ่ๆ คือ สุหนี่ กับ ซีอะห์ สองนิกายนี้แม้จะเป็นอิสลามเหมือนกันแต่มีวิธีคิดที่ต่างกัน โดยนิกายสุหนี่คิดว่าหลังการสิ้นชีวิตของนบีมูฮัมหมัด ผู้นำทางศาสนาไม่ต้องสืบเชื้อสายจากนบีมูฮัมหมัด แต่ต้องได้มาด้วยการเลือกตั้ง กล่าวคือ เน้นความสามารถของคนมากกว่าสายเลือด ซึ่งประชาชนมุสลิมส่วนใหญ่เป็นสุหนี่ ส่วนนิกายซีอะห์คิดว่าผู้นำทางศาสนาต้องมาจากสายเลือดของนบีมูฮัมหมัด ส่วนใหญ่ในนิกายนี้ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นนำหรือผู้ปกครอง
นอกจากความขัดแย้งประเด็นใหญ่ๆของสองนิกายแล้ว ในนิกายยังแยกย่อยลงไปอีก เช่น นิกายสุหนี่ แยกออกอีกเป็นซาลาฟิสท์กับวาฮาบี ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็อ้างตัวเองว่าเคร่งครัดแท้จริงในคัมภีร์อัลกุรอานและกฎหมายอิสลามมากกว่าอีกนิกาย
การต่อสู้ในภาพรวมใหญ่ๆของมุสลิมทั้งสองนิกายก็คือ มุสลิมสุหนี่ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของอิสลามแต่ต้องอยู่ใต้การปกครองของมุสลิมซีอะห์ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าตัวเองสืบเชื้อสายมาจากนบีมูฮัมหมัด ขณะที่มุสลิมสุหนี่เชื่อมั่นในความสามารถของคนไม่ใช่สวรรค์เรียกร้องผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบธรรม
นอกจากความขัดแย้งทางศาสนาดังกล่าวแล้ว การแบ่งแยกดินดินแดนในตะวันออกกลางของอังกฤษและฝรั่งเศส ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำเกิดความขัดแย้งและหล่อเลี้ยงความขัดแย้งให้ดำรงอยู่ กล่าวคือ ในศตวรรตที่20 อังกฤษและฝรั่งเศสจับมือกับชนเผ่าต่างๆเพื่อโค่นล้มจักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกีในปัจจุบัน) ต่อมาเมื่อโค่นล้มลงได้อังกฤษและฝรั่งเศสได้ขีดเส้นดินแดนตะวันออกกลางเป็นประเทศต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา และทำให้ความขัดแย้งดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
จากความขัดแย้งทั้งด้านความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ที่แตกต่างหลากหลาย แต่ต้องมาอยู่รวมกันภายใต้ดินแดน การปกครอง เดียวกันซึ่งไม่อาจลบรอยขัดแย้งต่างๆนั้นได้ เปรียบเสมือนพรมแห่งสันติปูทับฝุ่นละอองสงคราม ทำให้เกิดขบวนการต่อสู้ด้วยกองกำลังติดอาวุธเกิดขึ้นอย่างมากมาย เช่นเดียวกับกลุ่มไอเอส (Is) หรือ Islamic State ที่มีเป้าหมายคือ การปลดปล่อยดินแดนของชาวมุสลิมนิกายซุนนีจากการกดขี่และการยึดครองของกลุ่มชีอะห์และชาวต่างชาติ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นรัฐอิสลาม
กลุ่มไอเอส ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่นิกายย่อยคือ ซาลาฟิสท์ มีความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังสงครามครั้งใหญ่ระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิม และต้องทำสงครามเพื่อกำจัดเพื่อต่างศาสนา เช่น คริสต์ รวมถึงศาสนาอิสลามด้วยกันแต่ต่างนิกาย คือซีอะห์ ซึ่งถือว่าพวกนี้คือพวกนอกรีต เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือทำให้โลกทั้งหมดเป็น รัฐอิสลาม
รัฐอิสลาม ที่ว่านี้คือ การอ้างอำนาจทางศาสนาเหนือชาวมุสลิมทั้งโลก (รวมทั้งศาสนาอื่นๆด้วย) โดยปรารถนาที่จะนำภูมิภาคซึ่งมีชาวมุสลิมอยู่อาศัยส่วนใหญ่ของโลกมาอยู่ใต้การควบคุมทางการเมืองเดียวกัน มุ่งประสงค์ให้ศาสนาชี้นำการเมืองและต้องการจะกำหนดทิศทางของสังคมมุสลิมเสียใหม่ทั้งหมดเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐอิสลาม ซึ่งปกครองโดยกฎหมายอิสลาม ที่เรียกว่า กฎชารีอะห์ (Sharia law) ที่ตราขึ้นจากบัญญัติศาสนาอิสลาม เพื่อใช้ควบคุมผู้คน
ชารีอะห์ถือเป็นกฎหมายที่เคร่งครัด มีบทลงโทษกันอย่างรุนแรง หนักที่สุด คือ ประหารชีวิต รองลงมาคือ ต้องขายตัวลงเป็นทาสไปจนชั่วลูกชั่วหลาน เบาที่สุด คือ ถูกขูดรีดให้เสียภาษีและใครที่ฝ่าฝืนกฎชารีอะห์ ถือว่าเป็นพวกนอกรีตนอกศาสนา นอกจากนั้นกฎชารีอะห์ยังใช้ควบคุมครอบคลุมชีวิตในทุกๆด้านไม่ใช่เพียงมิติทางศาสนาเท่านั้น ไอเอส ใช้ข้ออ้างเรื่องรัฐอิสลามในการคุกคามคนต่างศาสนา มุ่งหวังให้ทุกคนในโลกต้องหันมานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน
เดิมกลุ่มไอเอส เป็นกลุ่มเดียวกันกับ Al Queda ของ Usama Binladen แต่เนื่องจากกลุ่มไอเอส ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกหัวรุนแรงเกินไปจึงถูกกลุ่ม AI Queda ขับไล่ออกมา และอาจเป็นเพราะความขัดแย้งทางศาสนาด้วยเพราะ Usama Binladen นับถืออิสลามนิกายวาฮาบี ต่างจากผู้นำกลุ่มไอเอส คือ Abu Bakr al – Baghdadi ซึ่งมีฐานะเป็นCaliph ผู้นำสูงสุดทั้งทางโลกและศาสนา
หลังจากที่แยกตัวออกมาจากกลุ่ม Al Queda พวกเขาจึงก่อตั้งกลุ่มไอเอส เมื่อปี 2549 ขบวนการของพวกเขาเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็วด้วยการสนับสนุนจากแหล่งทุนใหญ่ๆ ประกอบกับความสามรถในการใช้ Socail media ทำให้สามารถระดมทุนและระดมคนเข้าร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้จำนวนมาก
กลุ่มไอเอส มีความโหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่ากลุ่มก่อการร้ายที่ผ่านๆมาด้วยกำลังคนและอาวุธมากมาย รวมถึงแหล่งเงินทุนมหาศาลจากการยึดธนาคารใหญ่ในอีรักและซีเรีย ควบคุมเศรษฐกิจบริเวณชายแดนของอีรักและซีเรีย รวมถึงบริษัทน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า ที่ต้องการล้มประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรีย ซึ่งเป็นมุสลิมซีอะห์
ด้วยปัจจัยต่างๆที่เกื้อหนุนเหล่ากลุ่มไอเอส แสดงความโหดเหี้ยมออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การจับตัวประกันชาวอีรัก 43 คนเผาทั้งเป็น การลักพาตัวชาวคริสเตียนในซีเรียน 150 คน ฆ่าตัวคอ รปภ. บ่อน้ำมันในลิเบีย 8 คน และจับชาวต่างชาติไปอีก 9 คน การฆ่าตัดคอชาวคริสต์อีในยิปต์ 21 คน การตรึงไม้กางเขนและประจานไปในซีเรีย รวมถึงคลิปตัดหัวตัวประกันชาวญี่ปุ่นและเผานักบินจอร์แดนทั้งเป็น เป็นต้น
การเกิดขึ้นของอุดมการณ์ รัฐอิสลามกำลังกลายเป็นภัยคุกคามใหม่ของโลก นี่คือความโหดร้าย ป่าเถื่อน ที่เกิดขึ้นในศตวรรตที่โลกกำลังหันหน้ามาสู่ความปรองดอง หลังจากเห็นพิษภัยของสงครามในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่สงครามที่เกิดขึ้นบนโลกส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของตัวเอง สิ่งที่ตัวเองเชื่อนั้นยิ่งใหญ่ที่สุดและแท้จริงที่สุด ทำให้ต้องเข่นฆ่าฝ่ายที่คิดต่างให้หมดไป แต่เมื่อฆ่ากันตายหมดไม่เหลือคนแม้แต่คนเดียวเราก็จะไม่เจอกับความเชื่อที่ว่านั้น
อ้างอิง
ISIS คือใคร เจาะลึกจุดกำเนิดกลุ่มก่อการร้ายผู้เหี้ยมโหด . สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://hilight.kapook.com/view/115379
กลุ่ม Isis คือใคร . สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://news.kapook.com/
เจาะข่าวตื้นตอนที่ 148 : เจาะกลุ่ม IS ผู้ก่อการร้ายสุดโต่ง . สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://jorkawteun.spokedark.tv/20150313/jorkawteun-148/
ขบวนการรัฐอิสลาม(IS) กับสงครามครั้งใหม่ . สืบค้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://www.siamintelligence.com/islamic-state/
เนื่องจากประเทศต่างๆในแถบตะวันออกกลาง มีความแตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และศาสนา อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมากมาย เช่นศาสนาอิสลาม มีสองนิกายใหญ่ๆ คือ สุหนี่ กับ ซีอะห์ สองนิกายนี้แม้จะเป็นอิสลามเหมือนกันแต่มีวิธีคิดที่ต่างกัน โดยนิกายสุหนี่คิดว่าหลังการสิ้นชีวิตของนบีมูฮัมหมัด ผู้นำทางศาสนาไม่ต้องสืบเชื้อสายจากนบีมูฮัมหมัด แต่ต้องได้มาด้วยการเลือกตั้ง กล่าวคือ เน้นความสามารถของคนมากกว่าสายเลือด ซึ่งประชาชนมุสลิมส่วนใหญ่เป็นสุหนี่ ส่วนนิกายซีอะห์คิดว่าผู้นำทางศาสนาต้องมาจากสายเลือดของนบีมูฮัมหมัด ส่วนใหญ่ในนิกายนี้ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นนำหรือผู้ปกครอง
นอกจากความขัดแย้งประเด็นใหญ่ๆของสองนิกายแล้ว ในนิกายยังแยกย่อยลงไปอีก เช่น นิกายสุหนี่ แยกออกอีกเป็นซาลาฟิสท์กับวาฮาบี ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็อ้างตัวเองว่าเคร่งครัดแท้จริงในคัมภีร์อัลกุรอานและกฎหมายอิสลามมากกว่าอีกนิกาย
การต่อสู้ในภาพรวมใหญ่ๆของมุสลิมทั้งสองนิกายก็คือ มุสลิมสุหนี่ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของอิสลามแต่ต้องอยู่ใต้การปกครองของมุสลิมซีอะห์ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าตัวเองสืบเชื้อสายมาจากนบีมูฮัมหมัด ขณะที่มุสลิมสุหนี่เชื่อมั่นในความสามารถของคนไม่ใช่สวรรค์เรียกร้องผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบธรรม
นอกจากความขัดแย้งทางศาสนาดังกล่าวแล้ว การแบ่งแยกดินดินแดนในตะวันออกกลางของอังกฤษและฝรั่งเศส ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำเกิดความขัดแย้งและหล่อเลี้ยงความขัดแย้งให้ดำรงอยู่ กล่าวคือ ในศตวรรตที่20 อังกฤษและฝรั่งเศสจับมือกับชนเผ่าต่างๆเพื่อโค่นล้มจักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกีในปัจจุบัน) ต่อมาเมื่อโค่นล้มลงได้อังกฤษและฝรั่งเศสได้ขีดเส้นดินแดนตะวันออกกลางเป็นประเทศต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา และทำให้ความขัดแย้งดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
จากความขัดแย้งทั้งด้านความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ที่แตกต่างหลากหลาย แต่ต้องมาอยู่รวมกันภายใต้ดินแดน การปกครอง เดียวกันซึ่งไม่อาจลบรอยขัดแย้งต่างๆนั้นได้ เปรียบเสมือนพรมแห่งสันติปูทับฝุ่นละอองสงคราม ทำให้เกิดขบวนการต่อสู้ด้วยกองกำลังติดอาวุธเกิดขึ้นอย่างมากมาย เช่นเดียวกับกลุ่มไอเอส (Is) หรือ Islamic State ที่มีเป้าหมายคือ การปลดปล่อยดินแดนของชาวมุสลิมนิกายซุนนีจากการกดขี่และการยึดครองของกลุ่มชีอะห์และชาวต่างชาติ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นรัฐอิสลาม
ที่มา :
กลุ่มไอเอส ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่นิกายย่อยคือ ซาลาฟิสท์ มีความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังสงครามครั้งใหญ่ระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิม และต้องทำสงครามเพื่อกำจัดเพื่อต่างศาสนา เช่น คริสต์ รวมถึงศาสนาอิสลามด้วยกันแต่ต่างนิกาย คือซีอะห์ ซึ่งถือว่าพวกนี้คือพวกนอกรีต เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือทำให้โลกทั้งหมดเป็น รัฐอิสลาม
รัฐอิสลาม ที่ว่านี้คือ การอ้างอำนาจทางศาสนาเหนือชาวมุสลิมทั้งโลก (รวมทั้งศาสนาอื่นๆด้วย) โดยปรารถนาที่จะนำภูมิภาคซึ่งมีชาวมุสลิมอยู่อาศัยส่วนใหญ่ของโลกมาอยู่ใต้การควบคุมทางการเมืองเดียวกัน มุ่งประสงค์ให้ศาสนาชี้นำการเมืองและต้องการจะกำหนดทิศทางของสังคมมุสลิมเสียใหม่ทั้งหมดเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐอิสลาม ซึ่งปกครองโดยกฎหมายอิสลาม ที่เรียกว่า กฎชารีอะห์ (Sharia law) ที่ตราขึ้นจากบัญญัติศาสนาอิสลาม เพื่อใช้ควบคุมผู้คน
ชารีอะห์ถือเป็นกฎหมายที่เคร่งครัด มีบทลงโทษกันอย่างรุนแรง หนักที่สุด คือ ประหารชีวิต รองลงมาคือ ต้องขายตัวลงเป็นทาสไปจนชั่วลูกชั่วหลาน เบาที่สุด คือ ถูกขูดรีดให้เสียภาษีและใครที่ฝ่าฝืนกฎชารีอะห์ ถือว่าเป็นพวกนอกรีตนอกศาสนา นอกจากนั้นกฎชารีอะห์ยังใช้ควบคุมครอบคลุมชีวิตในทุกๆด้านไม่ใช่เพียงมิติทางศาสนาเท่านั้น ไอเอส ใช้ข้ออ้างเรื่องรัฐอิสลามในการคุกคามคนต่างศาสนา มุ่งหวังให้ทุกคนในโลกต้องหันมานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน
หลังจากที่แยกตัวออกมาจากกลุ่ม Al Queda พวกเขาจึงก่อตั้งกลุ่มไอเอส เมื่อปี 2549 ขบวนการของพวกเขาเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็วด้วยการสนับสนุนจากแหล่งทุนใหญ่ๆ ประกอบกับความสามรถในการใช้ Socail media ทำให้สามารถระดมทุนและระดมคนเข้าร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้จำนวนมาก
ที่มา :
กลุ่มไอเอส มีความโหดเหี้ยมและน่ากลัวกว่ากลุ่มก่อการร้ายที่ผ่านๆมาด้วยกำลังคนและอาวุธมากมาย รวมถึงแหล่งเงินทุนมหาศาลจากการยึดธนาคารใหญ่ในอีรักและซีเรีย ควบคุมเศรษฐกิจบริเวณชายแดนของอีรักและซีเรีย รวมถึงบริษัทน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า ที่ต้องการล้มประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรีย ซึ่งเป็นมุสลิมซีอะห์
ด้วยปัจจัยต่างๆที่เกื้อหนุนเหล่ากลุ่มไอเอส แสดงความโหดเหี้ยมออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การจับตัวประกันชาวอีรัก 43 คนเผาทั้งเป็น การลักพาตัวชาวคริสเตียนในซีเรียน 150 คน ฆ่าตัวคอ รปภ. บ่อน้ำมันในลิเบีย 8 คน และจับชาวต่างชาติไปอีก 9 คน การฆ่าตัดคอชาวคริสต์อีในยิปต์ 21 คน การตรึงไม้กางเขนและประจานไปในซีเรีย รวมถึงคลิปตัดหัวตัวประกันชาวญี่ปุ่นและเผานักบินจอร์แดนทั้งเป็น เป็นต้น
การเกิดขึ้นของอุดมการณ์ รัฐอิสลามกำลังกลายเป็นภัยคุกคามใหม่ของโลก นี่คือความโหดร้าย ป่าเถื่อน ที่เกิดขึ้นในศตวรรตที่โลกกำลังหันหน้ามาสู่ความปรองดอง หลังจากเห็นพิษภัยของสงครามในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่สงครามที่เกิดขึ้นบนโลกส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของตัวเอง สิ่งที่ตัวเองเชื่อนั้นยิ่งใหญ่ที่สุดและแท้จริงที่สุด ทำให้ต้องเข่นฆ่าฝ่ายที่คิดต่างให้หมดไป แต่เมื่อฆ่ากันตายหมดไม่เหลือคนแม้แต่คนเดียวเราก็จะไม่เจอกับความเชื่อที่ว่านั้น
อ้างอิง
ISIS คือใคร เจาะลึกจุดกำเนิดกลุ่มก่อการร้ายผู้เหี้ยมโหด . สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://hilight.kapook.com/view/115379
กลุ่ม Isis คือใคร . สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://news.kapook.com/
เจาะข่าวตื้นตอนที่ 148 : เจาะกลุ่ม IS ผู้ก่อการร้ายสุดโต่ง . สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://jorkawteun.spokedark.tv/20150313/jorkawteun-148/
ขบวนการรัฐอิสลาม(IS) กับสงครามครั้งใหม่ . สืบค้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 , จากเว็บไซต์ http://www.siamintelligence.com/islamic-state/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น