โกลด มอแน (Claude Monet) ศิลปินแห่งลัทธิความประทับใจ

โดย อนัญญา กุลไธสง

โกลด มอแน เป็นหนึ่งในศิลปินคนสำคัญของฝรั่งเศสในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึง 20  และยังเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ร่วมก่อตั้งศิลปะลัทธิความประทับใจหรืออิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) ผู้เป็นแรงขับเคลื่อนในการสร้างผลงานศิลปะในรูปแบบใหม่โดยไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานให้ออกมาเสมือนตามที่ตาเห็นและตามแบบฉบับของคนทั่วไปนิยมกัน แต่เน้นความรู้สึกที่เกิดจากความประทับใจครั้งแรกในสิ่งที่เห็นของตัวศิลปิน
                       

 ภาพเขียนสีน้ำมันมอแน

โกลด มอแน  (Claude Monet) หรือ อ็อสการ์ โกลด มอแน เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศส เกิด ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1840 เมื่ออายุได้ 5 ปีได้ย้ายตามครอบครัวไปอาศัยที่เมืองเลออาฟวร์ แคว้นนอร์มังดี ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส โดยมอแนเป็นบุตรชายคนที่สองของนายโกลด อาดอลฟ์ และนางลุย จุสตีน โอเบร ครอบครัวของมอแนประกอบอาชีพร้านขายของชำและอุปกรณ์เรือ โดยพ่อของเขามีความต้องการที่จะให้ลูกชายมาช่วยดูแลกิจการของครอบครัวต่อ หากแต่ความปรารถนาของมอแนนั้นคือการเป็นศิลปิน โดยมีแม่ที่เป็นอดีตนักร้องเก่าเข้าใจในความปรารถนาของเขาและให้การสนับสนุนความฝันในการเป็นศิลปินของมอแน มาตลอด

มอแนนั้นมีความสนใจในด้านศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เขาได้ให้ความสำคัญและทุ่มเทให้กับงานศิลปะมากกว่าการศึกษา ซึ่งในปี ค.ศ.1851 มอแนได้เข้าศึกษาในโรงเรียนศิลปะที่เมืองเลออาฟวร์  ขณะที่อาจารย์กำลังสอนหนังสือ เขากลับใช้ช่วงเวลาดังกล่าววาดรูปการ์ตูนล้อเลียนอาจารย์ผู้สอน โดยใช้ถ่านไม้ในการสร้างภาพเขียนการ์ตูนล้อเลียน ทำให้มอแนเป็นที่รู้จักและสร้างรายได้ให้กับเขาจากการขายภาพล้อเลียนได้ราวๆ 20 ถึง 30 ฟรังก์

ต่อมามอแนได้มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคการการวาดภาพกับศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายคนเช่น ณาร์ค ฟรองซัวโอชาร์ด ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ณาร์ค หลุยเดวิด ศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งในปี 1856 ได้เรียนเทคนิคการวาดภาพโดยใช้สีน้ำมันและเทคนิคการเขียนภาพ “กลางแจ้ง” จาก ยูจีน บูแดง ผู้เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในการเขียนภาพภูมิทัศน์กลางแจ้งเพียงไม่กี่คนที่ใช้เทคนิคการเขียนภาพกลางแจ้ง ทำให้มอแนหลงใหลในการเขียนภาพภูมิทัศน์กลางแจ้งเป็นอย่างมาก

จุดเปลี่ยนที่ทำให้โมเนต์เริ่มหันมาใช้เทคนิคการวาดภาพที่แตกต่างจากศิลปินคนอื่นในยุคเดียวกัน คือ ความไม่มีอิสระในการออกแบบผลงาน ดังเช่นที่ศิลปินคนอื่นๆ ในยุคเดียวกันที่นิยมวาดภาพในห้องสตูดิโอและมักจะวาดภาพให้ออกมาเสมือนจริงตามที่ตาเห็น นอกจากนี้ยังมีการใช้สีที่ทึบระบายลงไปในผลงาน ซึ่งมอแนคิดว่ามันเป็นการจำกัดกรอบความคิดมากเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มอแนหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการสร้างผลงานศิลปะ เขาได้ไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เพื่อหาแนวทางในการเขียนภาพของเขา เมื่อโมเนต์ไปชมผลงานภายในพิพิธภัณฑ์ มอแนพบว่าภาพวาดส่วนมากที่ศิลปินเอามาแสดงผลงานนั้น มีการลอกเลียนผลงานภาพวาดจากครูสมัยเก่า ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยที่จะสร้างผลงานศิลปะด้วยวิธีการลอกเลียนผลงานของคนอื่น อีกทั้งมอแนยังไม่ชอบเกี่ยวกับทฤษฎีการวาดภาพที่ทางมหาวิทยาลัยสอน

ต่อมาในปี 1862 มอแนจึงได้ย้ายเข้ามาศึกษาศิลปะต่อในโรงเรียนของ ชาร์ล เกรย์ ทำให้เขาได้พบกับ ออกุสต์ เรอนัวร์ เฟรเดริก บาซีย์ และอัลเฟรด ซิสลีย์ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดในการสร้างผลงานศิลปะที่เหมือนกันนั้นคือ การเน้น แสง สี อารมณ์และความรู้สึกในขณะนั้น อีกทั้งมีการใช้แปรงที่หยาบในการวาดภาพเหมือนกัน ทำให้กลายเป็นทั้งเพื่อนและผู้ร่วมก่อตั้งศิลปะลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ร่วมกันในเวลาต่อมา

ภาพวาดของมอแนจึงมักจะเกิดจากความประทับใจในสิ่งที่ตนเองเห็นในครั้งแรก และไม่เน้นให้ภาพที่วาดออกมาเสมือนจริงตามที่ตาเห็น แต่จะคำนึงถึงการใช้สีเพื่อแสดงให้เห็นถึงแสงที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จากมุมมองต่างๆ และใช้แปรงที่หยาบตะหวัดสีเข้มๆ ทับกันหลายๆครั้ง  โดยมากภาพวาดของมอแนมักเป็นภาพเขียนกลางแจ้งที่เน้นทิวทัศน์และบรรยากาศต่างๆ ที่มอแนได้พบเห็น

ในปลายปี 1871 มอแนและครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่เมือง อาร์ฌ็องเตย หลังจากสงครามระหว่างฝรั่งเศสและปรัสเซีย และได้ตั้งกลุ่ม Anonymous Society of  Painter , Sculptors และ Engravers กับศิลปินรุ่นใหม่หลายคน เช่น ปีแยร์ โอกุสต์ เรอนัวร์ ,อัลเฟรด ซิสเลย์,กามีย์ ปีซาโร และ เอดัวร์ มาเนต์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลงานศิลปะได้อย่างเป็นอิสระเสรี

ต่อมาในปี 1894  เป็นปีแรกที่กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่จัดนิทรรศการแสดงศิลปะขึ้นมา ซึ่งมอแนได้ส่งภาพ  “Impression, Sunrise” (ความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้น) ซึ่งเป็นภาพเกี่ยวกับภาพบรรยากาศที่ท่าเรือท่ามกลางสายหมอกในยามเช้า ณ เมืองเลออาฟวร์  โดยภาพนี้ถูกวาดขึ้นในปี 1872  ได้เป็นที่มาของชื่อกลุ่มลัทธิของศิลปินรุ่นใหม่ นั้นคือ ลัทธิแห่งความประทับใจหรืออิมเพรสชันนิสม์นั้นเอง

ตลอดช่วงชีวิตการเป็นศิลปินของมอแน ได้สร้างผลงานภาพวาดศิลปะไว้มากกว่า 2,500 ภาพ ซึ่งยังไม่รวมภาพที่ถูกเขาทำลายไปเพราะยังไม่เป็นที่พอใจในผลงานของตัวเอง ซึ่งผลงานที่สำคัญของมอแน ได้แก่ ภาพ "ผู้หญิงในสวน" ในปี 1867 มอแนได้ใช้เทคนิคการวาดภาพโดยเน้นให้เห็นแสงแดดที่ส่องลงมายังสวนดอกไม้  และพยายามแสดงให้เห็นถึงเปลวแสงแดดที่ส่องประกายกระทบกับเสื้อของหญิงสาวที่อยู่ภายในสวน
                  

ภาพ“ผู้หญิงในสวน”  ในปีค.ศ. 1867

ภาพ “พอพพลาบนฝั่งแม่น้ำเอฟ” ในปี 1900 เป็นภาพวาดที่บรรยายบรรยากาศชนบทของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมอแนใช้เทคนิค การเล่นแสงและสีในช่วงเวลาที่ต่างกันออกไปในสถานที่เดิมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงของแสงและฤดูกาลที่ผ่านมา และภาพที่มีชื่อเสียงและมีความนิยมมากที่สุดของมอแน คือ ภาพ “บัวน้ำ” ในปี 1916 มอแนได้เน้นให้เห็นถึง แสง สี น้ำและบัวที่อยู่ในสระ เมื่อโดนแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาในแต่ละฤดูกาล แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแสงแดดที่ส่องลงมายังสระบัว  นอกจากนี้ยังมีผลงานอื่นๆ อีกมายมาย  เช่น ภาพวาดบนฝั่งแม่น้ำเซน, เบเนคอรท์, ภาพวาดหน้าผาที่เอทเทรทาท์ และ ภาพวาดลุ่มแม่น้ำเซนกับอาร์ฌ็องเตย
             

ภาพ“บัวน้ำ” ในปี ค.ศ. 1916

ในบั้นปลายชีวิตของมอแนเขาเป็นศิลปินที่ได้กลายเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศสและมีฐานะร่ำรวยมากขึ้นจากการขายภาพวาด นอกจากนี้มอแนยังได้ผ่านเหตุการณ์ครั้งสำคัญของโลกนั้นคือ สงครามโลกครั้งโลกครั้งที่ 2  เขาได้วาดภาพ “วิลโลร้องไห้ (Weeping Willow)” ขึ้นเพื่อไว้อาลัยแก่ทหารชาวฝรั่งเศสที่เสียชีวิตจากสงครามโลก  ต่อมามอแนเป็นต้อกระจกส่งผลทำให้ผลงานในช่วงหลังๆของเขามักจะมีสีโทนแดง ซึ่งเกิดจากการมองเห็นสีที่ผิดไปจากเดิมจากการผ่าตัดตา และมอแนเสียชีวิตในปี 1926 ด้วยโรคมะเร็งปอด ขณะที่อายุได้ 86 ปี
                                         

Claude Monet - Weeping Willow (วิลโล่ร้องไห้) (1918)

จะถือได้ว่ามอแนก็เป็นอีกหนึ่งในศิลปินที่มีความสำคัญคนหนึ่งของโลกผู้เป็นแรงขับเคลื่อนในการสร้างสรรผลงานศิลปะแบบใหม่ขึ้นมาจนทำให้เกิดศิลปะแสงสีแห่งความประทับใจหรืออิมเพรสชั่นนิสต์ ที่เน้นการใช้สีเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแสงในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ยังเป็นแรงกระตุ้นให้กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ๆ มีการสร้างสรรค์ผลงานให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นจนนำไปสู่ศิลปะในแบบต่างๆ เช่น ศิลปะนามธรรรม และป๊อบอาร์ต ในช่วงเวลาต่อมา


อ้างอิง

โกลด มอแน (Claude Monet). (2561). ค้นข้อมูล 15กันยายน2561, จาก
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=klongrongmoo&month=24-01-2018&group=29&gblog=16

โกลด มอแน ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ผู้โด่งดังเจ้าของภาพเขียนสุดประทับใจตลอดกาล. (2561). ค้นข้อมูล 15กันยายน2561, จาก https://www.takieng.com/stories/8659

มอแน (Monet) ชื่อนี้ สะเทือนวงการศิลปินวาดภาพสีน้ำมัน. (2559). ค้นข้อมูล 15กันยายน2561, จาก https://www.takieng.com/stories/8659

Claude Monet. (2017). ค้นข้อมูล 15กันยายน2561, จาก https://www.greatstarsartshow.com/art/3910

Impressionism ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์. (2011). ค้นข้อมูล 15กันยายน2561, จาก https://aunart.wordpress.com/2011/09/21/impressionism/

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ เรียบเรียงข้อมูลทำให้เข้าใจง่าย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ24.2.66

    ดีคะๆ

    ตอบลบ