โกโก้ : ประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นอยู่เต็มฝัก!

โดย พิมชนก บุญแจ้ง

จากฝักสู่แก้วโปรด

เมื่อพูดถึงเครื่องดื่มแก้วโปรด โกโก้ร้อน โกโก้เย็น หรือโกโก้ปั่น ก็เป็นหนึ่งในคำตอบในดวงใจของใครหลายๆ คน ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์กับรสชาติเข้มข้นติดปลายลิ้น ถ้าได้ดื่มโกโก้ร้อนในช่วงหน้าหนาวก็จะทำให้ร่างกายอบอุ่น หรือจะเป็นโกโก้เย็น โกโก้ปั่นในหน้าร้อน ก็ทำให้สดชื่นในครั้งแรกที่ยกดื่ม และเมื่อถามถึงขนมที่ทุกคนโปรดปราน ช็อกแลต ก็เป็นที่หนึ่งในดวงใจของใครหลายๆ คนเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโกโก้หรือช็อกโกแลต ทั้งสองอย่างนี้ก็ล้วนทำมาจากเมล็ดของต้นคาเคา (Cacao) หรือต้นโกโก้นั่นเอง


เมล็ดโกโก้

ที่มาของแก้วโปรด

แต่หากพูดถึงต้นกำเนิดของโกโก้ ต้องย้อนไปถึงสมัยอเมริกาโบราณ ในพื้นที่ เมโสอเมริกา หรือ อเมริกากลาง นั้นมีอารยธรรมสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 อารยธรรม ได้แก่ โอลเม็ก (Olmec) มายา (Maya) และแอซเท็ก (Aztec) โดยชนเผ่ามายานั้นเป็นชนกลุ่มแรกที่สร้างเครื่องดื่มรสเข้มข้นจากเมล็ดโกโก้ ซึ่งความน่าสนใจนั้นอยู่ที่พวกเขามีความเชื่อว่า

"โกโก้นั้นคือของขวัญจากพระเจ้า"

โกโก้เป็นพืชสกุล Theobroma มีถิ่นกำเนิดบริเวณ Upper Amazon Basin จากประเทศเม็กซิโก ถึงประเทศเปรูในปัจจุบัน ซึ่งเป็นบริเวณป่าฝนเขตร้อน (Tropical Rainforest) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Theobroma cacao L. (สัณห์ ละอองศรี, ออนไลน์) ซึ่ง Theobroma เป็นภาษากรีก หมายถึง Food of the Gods หรือ อาหารของพระเจ้านั่นเอง!

โกโก้เป็นพืชพื้นเมืองในเขตร้อนของทวีปอเมริกา ทุกวันนี้เรายังไม่รู้ว่าใครคือผู้เริ่มต้นปลูกโกโก้เป็นคนแรก แต่เท่าที่ทราบ คำว่าโกโก้เองมีรากศัพท์มาจากคำว่า กากาว ในภาษามายา และพอถึง 1100 ปีก่อนคริสตศักราช ชาวมายายุคแรกๆ ก็รู้จักนำโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มกันแล้ว สูตรการปรุงช็อกโกแลตของชาวมายาเริ่มจากการตาก คั่ว และบดเมล็ดโกโก้ที่ผ่านการหมักมาแล้ว จากนั้นจึงนำผงที่ได้ไปผสมน้ำ ปรุงแต่งรสชาติด้วยอบเชย พริก และวนิลลา ก่อนจะรินใส่หม้ออีกใบสลับกันไปมาจนเกิดฟองขึ้นด้านบน ซึ่งถือเป็นส่วนที่เลิศรสที่สุด (เอ. อาร์. วิลเลียมส์, น. 114)

ต่อมาประมาณ ค.ศ. 1500 กองทัพสเปนได้ยกทัพมาบุกอเมริกากลางและเม็กซิโก และได้รู้จักประโยชน์ของโกโก้ พร้อมนำกลับไปยังสเปน และค้นพบว่าเมล็ดมีรสเลิศ และอร่อยกว่าเมล็ดพืชอื่น ซึ่งในช่วงแรกมีการใช้ผงเมล็ดมาชงน้ำ และดื่มแบบเย็น ๆ ซึ่งมีรสขม เป็นฟอง จึงยังไม่นิยมมากนัก ต่อมาปรับเปลี่ยนวิธีชงเป็นแบบร้อน ทำให้มีรสหวาน และมีกลิ่นหอมมากขึ้น หลังจากนั้น สเปนจึงเริ่มเพาะปลูกโกโก้จำนวนมากเป็นชาติแรกในยุโรป เพื่อแปรรูปเป็นเครื่องดื่มโกโก้ และวิวัฒนาการแปรรูปมาเป็นช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน (puechkaset, ออนไลน์)


อักษรภาพภาษามายาเขียนว่าคาเคา แปลว่า โกโก้

ภาชนะสำหรับบรรจุและเสิร์ฟช็อกโกแลตของชาวมายาประดับลวดลายเป็นภาพกษัตริย์ ชนชั้นสูง รวมถึงเทพเจ้าขณะทรงดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ ส่วนสามัญชนอาจมีโอกาสได้ดื่มช็อกโกแลตในงานเลี้ยงฉลอง (เอ. อาร์. วิลเลียมส์, น. 114)


ศิลปะของชนเผ่ามายาแสดงภาพของกษัตริย์กับถ้วยโกโก้

นอกจากที่เมล็ดโกโก้จะถูกนำมาผลิตเป็นเครื่องดื่มของพระเจ้าแล้ว มันยังถูกใช้ประหนึ่ง “เงินตรา” เพื่อใช้เป็นหน่วยกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า เช่น อาหาร หรือเครื่องแต่งกายในวัฒนธรรมของชาวมายาและชาวแอซเท็กด้วยเช่นกัน (ณัฐพล เดชขจร, ออนไลน์)

ในช่วงที่ชาวสเปนบุกเข้ามาในอาณาจักรของชาวมายาโบราณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 นั้น พวกเขาก็ได้ลิ้มรสเครื่องดื่มโกโก้ด้วย แต่แน่นอนว่าชาวสเปนไม่ชอบเครื่องดื่มรสขมเฝื่อนที่ปรุงรสและกลิ่นด้วยวัตถุดิบแสนประหลาดเหล่านี้เลย พวกเขาจึงได้ลองนำน้ำตาลอ้อยผสมลงไป พอรสชาติของโกโก้หวานขึ้น มันก็อร่อยขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นแล้วชาวสเปนยังดื่มโกโก้แบบร้อนๆ ไม่เหมือนกับโกโก้ต้นฉบับของชาวมายาโบราณที่ดื่มกันแบบเย็นชืด นั่นจึงทำให้เครื่องดื่มโกโก้เริ่มมีรสชาติใกล้เคียงกับที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันนับตั้งแต่นั้นมา (ณัฐพล เดชขจร, ออนไลน์)

ลิ้มรสแก้วโปรด

ปัจจุบันเมล็ดโกโก้ได้ถูกแปรรูปให้กลายเป็นทั้งโกโก้และช็อกโกแลต ซึ่งต่างกันที่กรรมวิธีในการผลิต โดยช็อกโกแลตนั้นทำมาจากเมล็ดโกโก้ที่ไม่ผ่านการแยกไขมันโกโก้ออกมา ทำให้มีปริมาณไขมันอยู่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโกโก้นั้นทำมาจากเมล็ดโกโก้ที่ผ่านการรีดไขมันออกจนหมด ทำให้มีปริมาณไขมันอยู่ 0 – 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการบำรุงสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และช่วยลดอาการเครียดหรือเศร้าซึมได้ดี

ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องดื่มและขนมในดวงใจของใครหลายๆ คนนั้นมีต้นกำเนิดมานานนับพันปี และยังเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของชนเผ่ามายา เป็นเครื่องดื่มสำหรับกษัตริย์ ชนชั้นสูง และเทพเจ้า นอกจากนี้ยังมีค่ามากจนสามารถแลกกับสิ่งของต่างๆ ได้อีกด้วย แต่กว่าจะมาเป็นเครื่องดื่มรสขมติดปลายลิ้นจนถึงทุกวันนี้ ยุคแรกเริ่มของการดื่มโกโก้นั้นก็ได้มีการปรุงแต่งโดยการเพิ่มเครื่องเทศเข้าไปมากมาย และเพื่อที่จะได้เข้าถึงต้นตำรับแท้ๆ ลองเพิ่มอบเชย พริก และวนิลลา ลงในโกโก้แก้วโปรดของคุณเพื่อลิ้มรสชาติหรูเลิศที่เป็นต้นตำรับจากชาวมายา


อ้างอิง

ณัฐพล เดชขจร. (2560). ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของ “ช็อกโกแลต”, ค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561, จาก: http://www.gypzyworld.com/article/view/428

สัณห์ ละอองศรี. (2558). Botanical characteristic of Cocoa ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของโกโก้, ค้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561, จาก: https://www.cocoathailandcenter.com/15514952/botanical-characteristic-of-cocoa

เอ. อาร์. วิลเลียมส์. 2552. ปริศนาเร้นลับของอารยธรรมมายา. แปลจาก Mysteries of maya. แปลโดย คุณากร วาณิชย์วิรุฬห์. กรุงเทพฯ: เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก

Puechkaset. โกโก้ สรรพคุณ และการปลูกโกโก้, ค้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561, จาก: https://puechkaset.com/โกโก้/
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น