โรมุลุส เอากุสตุลุส (Romulus Augustulus) จักรพรรดิโรมันองค์สุดท้าย และเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน

โดย ธนัญญา ตันชวลิต

ประวัติของจักรพรรดิโรมุลุส เอากุสตุลุส แม้จะไม่ปรากฏรายละเอียดมากนัก หากแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์นั้นเป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก ซึ่งถูกนำเสนอผ่านประวัติของพระองค์และสามารถเชื่อมโยงให้เห็นถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายใน และการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง โดยถึงแม้ว่าโรมุลุส เอากุสตุลุสจะดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิในช่วงเวลานั้น หากแต่อำนาจทางการปกครองกลับขึ้นอยู่กับบิดาของพระองค์แทบทั้งสิ้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกนั้นจึงมิใช่จากพระองค์เอง หากแต่เป็นบุคคลที่อยู่รายล้อมพระองค์ ความสำคัญในรัชสมัยของพระองค์จึงมิใช่พระราชกรณียกิจของจักรพรรดิ หากแต่เป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสิ้นสุดของจักวรรดิโรมันตะวันตกซึ่งเคยรุ่งโรจน์และมีอำนาจเหนืออาณาจักรอื่นทั้งปวง

โรมุลุส เอากุสตุลุส (Romulus Augustulus) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เอากุสตุลุส พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดิโรมันพระองค์สุดท้าย ชื่อเดิมคือ ฟลาวิอุส โรมูลุส ประสูติราวช่วง ค.ศ.​461 ส่วนการสวรรคตไม่อาจทราบหลักฐานที่แน่ชัด ซึ่งจากการคาดการณ์น่าจะเป็นช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 ทรงขึ้นครองราชย์ขณะที่ยังเป็นวัยรุ่น ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.​475 ถึงวันที่ 4 กันยายน ค.ศ.​476 ซึ่งเป็นวันที่พระองค์ถูกถอดออกจากราชบัลลังก์หลังจากครองราชย์ได้เพียง 10 เดือนเศษๆ เท่านั้น นักวิชาการจึงถือว่าการสิ้นสุดรัชกาลของพระองค์เป็นการสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยกลางในยุโรปตะวันตก


โรมุลุส เอากุสตุส หรือ เอากุสตุลุส จักรพรรดิโรมันพระองค์สุดท้าย

บิดาของพระองค์คือ ฟลาวิอุส โอเรสเตส ทหารและนักการเมืองโรมันเชื้อสายเยอรมัน ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ช่วยของอัตติลา จักรพรรดิชาวฮันผู้ครองจักรวรรดิฮัน (Attila the Hun) และบางครั้งก็ถูกส่งไปเยือนกรุงคอนสแตนติโนเปิลโดยการทูต หลังจากที่อัตติลาเสียชีวิต โอเรสเตสได้เข้าร่วมรับใช้จักรวรรดิตะวันตก โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารจากจักรพรรดิจูเลียส เนโพส จึงทำให้มีอำนาจในการควบคุมกองทัพเมื่อราว ค.ศ.474

ส่วนมารดาของพระองค์เป็นลูกสาวของเคานท์ โรมุลุส ผู้ปกครองเมืองพาสซัว ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นบาวาเรียในประเทศเยอรมนีปัจจุบัน ไม่ปรากฎหลักฐานว่าเอากุสตุลุสมีพี่น้องหรือแต่งงานกับใคร แต่เนื่องด้วยพระองค์เป็นบุตรของชนชั้นสูงที่ถือว่ามีอำนาจสูงสุดของรัฐบาลในช่วงสมัยนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าพระองค์คงได้รับการศึกษาอย่างดีเช่นเดียวกับเด็กชายจากครอบครัวผู้ดีมีสกุลอื่นๆ

ตำแหน่งนายทหารที่ได้รับทำให้โอเรสเตสได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังมากกว่าจักรพรรดิของพวกเขาเอง ในช่วงเวลาขณะนั้นกองทหารรักษาการณ์ของอิตาลีเกือบทั้งหมดประกอบไปด้วยทหารรับจ้างชาวเยอรมัน ความรู้สึกจงรักภักดีต่อจักรวรรดิจึงน้อยลงมาก ซึ่งถ้าพวกเขาจะเกิดความจงรักภักดีมันก็จะเกิดจากเพื่อนร่วมชาติที่มีเชื้อสายเดียวกัน ซึ่งนั่นก็อาจหมายถึง โอเรสเตส นายทหารลูกครึ่งโรมัน-เยอรมัน

เหตุการณ์ก่อนการขึ้นครองราชย์ของโรมุลุส เอากุสตุลุส เกิดขึ้นในเดือนกันยายน ค.ศ.474 ซึ่งอยู่ในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิจูเลียส เนโพส ได้มีการแต่งตั้งให้โอเรสเตส บิดาของโรมุลุสขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพโรมัน เมื่อเห็นโอกาสโอเรสเตสจึงได้ทำการก่อรัฐประหาร และประสบความสำเร็จเมื่อโอเรสเตสสามารถควบคุมรัฐบาลที่เมืองราเวนนา (เมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันตก) ไว้ได้ และทำการยึดอำนาจจากจักรพรรดิองค์ก่อนหน้า คือ จักรพรรดิจูเลียส เนโพส ทำให้จักรพรรดิจูเลียสต้องหลบหนีไปยังแคว้นดัลเมเชียและปกครองอยู่ที่นั่นจนกระทั่งสวรรคต หลังจากนั้นโอเรสเตสจึงใช้อำนาจที่มีปูทางขึ้นสู่อำนาจให้แก่ลูกชาย

โอเรสเตสได้กลายเป็นผู้ปกครองโรมันตะวันตกไปโดยปริยาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิชอบธรรมในการสถาปนาตนเองขึ้นสู่ราชบัลลังก์ก็ตาม แต่กระนั้นโอเรสเตสก็ได้แต่งตั้งลูกชายของตนที่เกิดจากภรรยาชาวโรมันให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน เพราะเขาคิดว่าชาวโรมันจะเต็มใจยอมรับลูกชายของเขาผู้ซึ่งมีสายเลือดโรมันในตัวเป็นจักรพรรดิมากกว่าตนเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามโอเรสเตสก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะแต่งตั้งลูกชายของตนขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันตก หากแต่การแต่งตั้งดังกล่าวไม่ได้รับการเห็นชอบหรือยอมรับจากจักรพรรดิในจักรวรรดิไบเซนไทน์ (โรมันตะวันออก) คือ เซโนและบาซิลิคุส

หลังจากได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันตก พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาพระนามว่า โรมุลุส เอากุสตุส ซึ่งประกอบด้วยคำว่า โรมุลุส เป็นชื่อของบุคคลในตำนานการก่อตั้งกรุงโรม กับ เอากุสตุส (ออกัสตัส ทายาทของจูเลียส ซีซาร์ และเป็นผู้สถาปนาจักรวรรดิโรมัน) ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความบังเอิญที่จักรพรรดิโรมันองค์สุดท้ายจะทรงได้รับพระนามมาจากจักรพรรดิพระองค์แรก อีกทั้งบางคนยังได้ตั้งชื่อเล่นให้พระองค์ใหม่ว่า โมมีลลุส ที่แปลว่า เด็กหน้าไม่อาย และ โรมุลุส เอากุสตุลุส ที่แปลว่า เอากุสตุสน้อย คำกล่าวล้อเลียนนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้คนที่ยอมรับโรมุลุสในฐานะจักรพรรดิในช่วงเวลานั้นมีไม่มากนัก อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ได้ให้ความเคารพจักรพรรดิเช่นเขา

ตลอดระยะเวลากว่าร้อยปีก่อนที่จักรพรรดิโรมุลุสขึ้นครองราชย์ จักรวรรดิโรมันตะวันตกมีความเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก อำนาจทางการเมืองและดินแดนก็หดหายไปเรื่อย ๆ ขณะที่จักรวรรดิฝั่งตะวันออกที่ต่อมาเรียกว่า จักรวรรดิไบเซนไทน์ กลับยิ่งร่ำรวยและมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องด้วยจักรพรรดิโรมุลุส ทรงมีพระชนมายุแค่ 14 ชันษา พระองค์จึงมิได้ปกครองด้วยตนเอง เพราะอำนาจการบริหารตกไปอยู่กับบิดาของพระองค์ทั้งหมด หรือเรียกอีกอย่างว่า สำเร็จราชการแทน ถึงแม้ว่าจะมีพระนามของพระองค์ปรากฏอยู่บนเหรียญกษาปณ์ของบางเมือง เช่น โรมัน ราเวนนา และมิลาน แต่กลับไม่พบอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติพระองค์เลย เนื่องจากพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ ขณะเดียวกันอำนาจที่แท้จริงก็ไปตกอยู่กับบิดา นอกจากนี้ยังคงเป็นเพราะเรื่องของภาวะเศรษฐกิจและการเมืองด้วย

ภายในเวลาเพียงแค่สิบเดือนหลังจากที่จักรพรรดิโรมุลุสขึ้นครองราชย์ กบฏทางการทหารที่รุนแรงก็เกิดขึ้น เหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งนี้ คือ บริเวณส่วนอื่น ๆ ของจักรวรรดิโรมันตะวันตก เจ้าของที่ดินถูกบังคับให้ส่งมอบสมบัติถึงสองในสามของทรัพย์สินที่พวกเขามีให้แก่ชาวเยอรมัน เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธมิตรกับชาวเยอรมันภายในจักรวรรดิ อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ไม่เคยถูกนำมาใช้กับอิตาลี โอเรสเตสได้ทำสัญญาขึ้นโดยตกลงจะมอบที่ดินให้แก่ทหารชาวเยอรมันหากพวกเขาช่วยขับไล่จักรพรรดิจูเลียส เนโพส เมื่อสามารถขับไล่ได้สำเร็จโอเรสเตสกลับเลือกที่จะลืมข้อตกลงดังกล่าว แต่กองกำลังเยอรมันไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ปัญหาถูกลืม และเรียกร้องต่อผลประโยชน์ที่พวกเขาควรจะได้รับ

ชนเผ่าเยอรมัน 3 เผ่า คือเผ่าเฮรูลี เผ่าตูรซีลิงกิ และเผ่าสกีเรียน รวมตัวกันต่อต้านอำนาจทางการปกครองของจักรพรรดิโรมุลุสและบิดา จนกระทั่งในที่สุดเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.​476 กองทัพชนเผ่าเยอรมันภายใต้การนำของโอโดเซอร์ ก็นำกำลังกองทัพเข้าตีฝ่าแนวชายแดนเข้ามาในคาบสมุทรอิตาลี


จักรพรรดิโรมุลุสทรงยอมอ่อนน้อมต่อโอโดเซอร์

ในวันที่ 23 สิงหาคม โอโดเซอร์ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิตาลี และในอีก 5 วันต่อมา โอเรสเตส บิดาของจักรพรรดิโรมุลุส ก็ได้ถูกทหารของโอโดเซอร์เข้าจับกุมและสังหารที่เมืองปิอาเซนซา ทางตอนเหนือของอิตาลี ส่วนจักรพรรดิโรมุลุสหลบหนีไปจากสนามรบ กล่าวกันว่าพระองค์ทรงหลบไปอยู่ที่เมืองราเวนนา

เดือนต่อมา โอโดเซอร์ได้ทำการปลดจักรพรรดิโรมุลุสออกจากตำแหน่ง จึงอาจกล่าวได้ว่าจักรวรรดิโรมันตะวันตกที่ยืนยาวมาเกือบ 500 ปีก็ถึงกาลสิ้นสุดลง

แทนที่โรมุลุสจะถูกประหารเช่นเดียวกับบิดาของเขา แต่โอโดเซอร์เห็นว่าพระองค์ยังเด็กเกินไปที่จะตาย จึงไว้ชีวิตแล้วให้ไปอยู่ที่ปราสาทลูคูลลูสในเมืองกัมพาเนีย ทางตอนใต้ของอิตาลี พร้อมทั้งให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายปีละ 6000 เหรียญทองตลอดไป

หลังการประหารโอเรสเตสบิดา ของจักรพรรดิโรมุลุสและปลดเอากุสตุสซึ่งก็คือจักรพรรดิองค์สุดท้ายออกจากตำแหน่ง บรรดาพระราชลัญจกร และราชภัณฑ์ต่าง ๆ ในราชสำนักก็ได้ถูกส่งไปให้จักรพรรดิเซโนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก

ในขณะเดียวกันนั้นจักรวรรดิโรมันตะวันออกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 474 ซึ่งถูกปกครองโดยจักรพรรดิเซโน (Flavius Zeno) ได้รับความเดือดร้อนเมื่อทราบว่าโอโดเซอร์จากเผ่าเยอรมันโจมตีกรุงโรม และปลดจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งฝั่งตะวันตก คือ จักรพรรดิโรมุลุส ออกุสตุส ออกจากบัลลังก์ ทำให้จักรพรรดิฝั่งตะวันออกต้องส่งพระเจ้าธีโอโดริค แห่งชาวออสโตรกอท (Ostrogoths) มายึดกรุงโรมคืน ต่อมาสี่ปีภายหลังแห่งสมรภูมิรบ ผู้นำทั้งสอง คือ โอโดเซอร์และพระเจ้าธีโอดอริคจึงได้มีการตกลงที่จะพักรบชั่วคราวและทำข้อตกลงในการแบ่งเขตการปกครองอิตาลี แต่การแบ่งเขตอำนาจนั้นก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อพระเจ้าธีโอดอริคได้สังหารโอโดเซอร์ และกองกำลังของพระเจ้าธีโอดอริคยังสังหารวงศาคณาญาติของโอโดเซอร์ทั้งหมด เนื่องจากต้องการตัดทอนกองกำลังของโอโดเซอร์ ต่อมาแม้ว่าจักรพรรดิโรมันตะวันออกต้องการส่งพระเจ้าธีโอดอริคไปต่อสู้เพื่อยึดกรุงโรมคืนจากโอโดเซอร์ หากแต่พระเจ้าธีโอดอริคกลับตั้งอาณาจักรในอิตาลีเสียเอง

พระเจ้าธีโอดอริคสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระราชาของอิตาลี ไม่ใช่จักรพรรดิของจักรวรรดิโรม ตระกูลของจักรพรรดิทางฝั่งจักรวรรดิโรมันตะวันตกจึงถือว่าสิ้นสุดลง และตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวเยอรมัน จึงถือได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นการสิ้นสุดการปกครองของจักรพรรดิในจักรวรรดิโรมันตะวันตกหรือเป็นการสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันตะวันตกโดยสมบูรณ์ ส่วนจักรวรรดิโรมันตะวันออกยังคงปกครองกรีซ เอเชียไมเนอร์ ซีเรีย ปาเลสไตน์ และอียิปต์ เป็นที่รู้จักกันในนามของจักรวรรดิไบเซนไทน์ จึงถือว่าอาณาจักรโรมันที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกซึ่งมีอายุยาวนานกว่า 500 ปี ถึงคราวสิ้นสุด

จากการศึกษาประวัติของจักรพรรดิโรมุลุส เอากุสตุลุส แสดงให้เห็นว่าบุตรจะดีหรือเลวนั้นขึ้นอยู่กับการขัดเกลาทางสังคมจากสถาบันครอบครอบเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของอำนาจ ที่เมื่อผู้ใดครอบครองก็มักจะเกิดความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ และกระหายที่จะมีอย่างไม่สิ้นสุด เป็นสิ่งอันตรายที่มักจะนำภัยมาสู่ตนเอง เช่นเดียวกับจุดจบที่โอเรสเตสต้องพบเจอ
         

อ้างอิง  

ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง. 2558. Life of the Week: Romulus Augustus, สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน ปี 2561, จาก : https://www.historyextra.com/period/roman/life-of-the-week-romulus-augustus/

ชัยจักร ทวยุทธานนท์. 2017. โรมุลุส เอากุสตุลุส : จักรพรรดิโรมันองค์สุดท้าย. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน ปี 2561, จาก :  http://www.gypzyworld.com/article/view/447

ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง. 2551. ประวัติศาสตร์ยุโรปเพิ่มเติม (โรมุลุส), สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน ปี 2561, จาก : https://writer.dek-d.com/12455/story/viewlongc.php?id=399957&chapter=41

 ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง. 2559. Romulus Augustus – The Last Emperor of Rome, สืบค้นเมื่อ 24 ธันวาคม ปี 2561, จาก : http://www.italiantribune.com/romulus-augustus-the-last-emperor-of-rome/
     

1 ความคิดเห็น:

  1. Harrah's Casino Atlantic City - MapYRO
    Find 김포 출장안마 Harrah's 성남 출장안마 Casino 밀양 출장샵 Atlantic City, New Jersey, United States, 김제 출장안마 United 대구광역 출장안마 States, ratings, photos, prices, expert advice, traveler reviews and tips,

    ตอบลบ