ชนเผ่าอินูอิต (Inuits) กับเรื่องที่คุณไม่เคยรู้

โดย กมลทิพย์  พิมพเนตร

บนโลกของเรานี้มีคนหลากหลายชนเผ่าอาศัยอยู่มากมายทั่วทุกมุมโลก กระทั่งดินแดนอาร์คติกที่มีอากาศหนาวเหน็บ ในดินแดนนี้ดวงอาทิตย์ไม่ได้ส่องแสงตลอดปี มีช่วงเวลายาวนานหลายเดือนที่ท้องฟ้ามืดมน มีลมพัดกรรโชก หิมะและแผ่นน้ำแข็งปกคลุมผืนดินและผืนน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่สามารถอาศัยอยู่ซึ่งก็คือชนเผ่าพื้นเมือง อินูอิต (Inuits) หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ เอสกิโม (Eskimos) หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นหูกับชื่อชนเผ่านี้ แต่มีน้อยคนที่จะทราบประวัติความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวอินูอิตจริง ๆ ว่าพวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร นับถือศาสนาหรือมีความเชื่ออย่างไรบ้าง


ครอบครัวอินูอิตในยุคที่มีภาพถ่าย
ที่มา : https://sites.google.com/

คำว่า เอสกิโม มีความหมายว่า “คนที่กินเนื้อดิบ” ชาวอินูอิตไม่ชอบคำเรียกนี้เท่าไรนักเหมือนกับเป็นการเหยียดหยามกัน ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากชาวพื้นเมืองอินเดียนแดงของอเมริกาที่ใช้เรียกพวกเขา แต่พวกเขากลับชอบให้เรียกว่า ชาวอินูอิต (Inuit) มากกว่า ชาวอินูอิตนั้นสืบเชื้อสายมาจากชนพื้นเมืองในเอเชียที่อพยพข้ามสะพานแผ่นดินเบอริ่ง (Bering land bridge) ที่เชื่อมระหว่างไซบีเรียและอลาสก้าของอเมริกา พวกเขาข้ามมาในยุคน้ำแข็งเมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อน ทำให้บางคนมีหน้าตาคล้ายคลึงกันกับชาวเอเชีย และใช้ชีวิตสืบต่อเนื่องมาหลายต่อหลายรุ่นที่นี่ ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

ชาวอินูอิตมักตั้งถิ่นฐานโดยอยู่อาศัยรวมกันเป็นกลุ่ม ปัจจุบันชาวอินูอิตมีการสร้างบ้านเป็นหลังเหมือนกับบุคคลทั่วไปและอาศัยอยู่ร่วมกันกับคนในเมือง ซึ่งในกรีนแลนด์จะนิยมสร้างบ้านจากหินและไม้ ซึ่งมีความคงทนแข็งแรง ในอลาสก้าบริเวณชายฝั่งอ่าวไซบีเรียนจะสร้างบ้านด้วยไม้ ในอดีตชาวอินูอิตอาศัยในกระท่อมที่ทำจากน้ำแข็งหรือที่เรียกว่า อิกลู (Igloo)

การก่อสร้างอิกลูทำโดยการนำน้ำแข็งที่ถูกตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมให้มีขนาดที่เหมาะสมแล้วนำไปวางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะมีลักษณะคล้ายโดม โดยเจาะทางเข้าไว้ที่ระดับต่ำเพื่อป้องกันลมหนาวจากภายนอกพัดเข้ามาด้านใน ภายในจะมีหนังสัตว์ขึงไว้ที่ผนังเพื่อใช้เป็นฉนวนสำหรับกักเก็บความร้อนที่เกิดจากการจุดตะเกียงหรือความร้อนจากร่างกายมนุษย์

ชาวอินูอิตจะใช้กระท่อมอิกลูเป็นที่พักชั่วคราวในทุ่งหิมะ ขณะออกล่าสัตว์ ในฤดูหนาวพวกเขามักรวมตัวอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ส่วนในฤดูร้อนก็จะรวมตัวกันน้อยลงหรือแยกกันอยู่เป็นครอบครัว ชาวอินูอิตจะไม่อยู่อาศัยเป็นหมู่บ้านที่เป็นที่พักอาศัยถาวร แต่จะอาศัยอยู่ในเต้นท์หนังสัตว์ในบริเวณที่สามารถตกปลา ล่าสัตว์ เก็บพืชได้มากที่สุด เพื่อสะสมอาหารไว้รับประทานในฤดูหนาว
     

ชาวอินูอิตอาศัยอยู่ในกระท่อมน้ำแข็งอิกลู

อาชีพหลักของชาวอินูอิต คือ การทำประมงจับปลาและส่งออก และอาชีพโดยทั่วไปอีกอย่าง คือ ล่าสัตว์ซึ่งทำกันมาตั้งแต่ในอดีต เนื่องจากบริเวณที่ชาวอินูอิตอาศัยอยู่ ใกล้ขั้วโลกเหนือ อากาศจึงหนาวเย็นมาก ทำให้มีพืชพันธุ์น้อย เพื่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอดจึงต้องอาศัยการล่าสัตว์มากกว่า พวกเขามักประกอบอาหารด้วยปลาชนิดต่าง ๆ และบริโภคสัตว์ทุกชนิดทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำที่สามารถจับได้ที่นี่ เช่น นก ไข่นก เรนเดียร์ หมีขั้วโลก วัวมัสก์อ็อกซ์ สิงโตทะเล วอลรัส แมวน้ำ ไปจนถึงปลาวาฬ

พวกเขามักบริโภคอาหารเหล่านี้แบบแช่แข็ง ดิบ หรือต้ม โดยจะใส่เครื่องเทศน้อยมาก เก็บรักษาอาหารโดยการหมักดองไว้ในดินหรือน้ำแข็ง เนื่องจากเป็นดินแดนที่หนาวมากจึงไม่ต้องใช้ตู้เย็นในการเก็บรักษาอาหารเพียงแค่ใส่ไว้ในน้ำแข็งก็ทำให้อาหารเน่าเปื่อยช้าลงแล้ว และยังนำเนื้อปลามาตากแห้ง นอกจากเนื้อสัตว์แล้วพืชผักที่ชาวอินูอิตมักบริโภค ได้แก่ เบอร์รี่ (โครว์แบร์รี่และเคลาด์แบร์รี่) หญ้า หัวมันต่าง ๆ และสาหร่าย


 สภาพที่อยู่อาศัยปัจจุบันของชาวอินูอิตในกรีนแลนด์
ที่มา : https://www.imagekind.com/

ชาวอินูอิตเป็นชนเผ่าที่มีชีวิตสงบสุข ดำรงชีพด้วยการล่าอาหาร พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากหนังและขนสัตว์ที่ได้จากการล่าซึ่งให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างมาก และยังใช้ไขมันวาฬทาตัวเพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย โดยทั่วไปแล้วชาวอินูอิตจะไม่อาบน้ำกันเพราะในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นแบบนั้น ความจำเป็นต้องรักษาความร้อนของร่างกายเป็นเรื่องสิ่งสำคัญ ดังนั้นการอาบน้ำจึงไม่จำเป็น และในสภาพเช่นนี้แบคทีเรียไม่ค่อยมีการเจริญเติบโตมากนัก

แต่ในปัจจุบันนี้พวกเขาอยู่ในบ้านที่สร้างความอบอุ่นได้ จึงอาบน้ำบ่อยขึ้นและออกไปล่าวาฬน้อยลง และในบางพื้นที่มีการออกกฎหมายควบคุมการล่าสัตว์ ชาวอินูอิตยังสามารถออกล่าสัตว์แต่ทำได้ในจำนวนที่น้อยลง การสวมใส่เสื้อผ้าจากขนสัตว์จึงพบเห็นน้อยลงด้วย หรืออาจจะสวมใส่เพียงในพิธีสำคัญ เช่น การแต่งงาน  เป็นต้น

ภูมิปัญญาที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวอินูอิต ได้แก่ การประดิษฐ์เรือแคนูจากหนังแมวน้ำเพื่อใช้ในการล่าสัตว์ในน้ำ การใช้ไขมันของปลาวาฬ วอลรัส และแมวน้ำให้เชื้อเพลิง การประดิษฐ์เลื่อนลากและกระโจมจากหนังกวางกับกระดูกวาฬ โดยใช้สุนัขเป็นจำนวนมากลากเลื่อนเป็นพาหนะที่นิยมใช้กัน ซึ่งสิ่งที่ยังคงพบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบันตามบ้านเรือนของชาวอินูอิต คือการลากเลื่อนโดยสุนัข       

และนอกจากนี้ชาวอินูอิตยังมีความเชื่อเรื่องหลังความตาย ในอดีตพวกเขาไม่มีการจัดงานศพ มีเพียงพิธีกรรมหนึ่งโดยพิธีที่ว่าคือการนำคนเฒ่าคนแก่ของชนเผ่าไปปล่อยทิ้งไว้บนภูเขาน้ำแข็ง แล้วปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นเผชิญกับอากาศที่หนาวเย็น ไม่มีน้ำและอาหาร พวกเขาอาจถูกแช่แข็งและอดอาหารจนตายในที่สุด ซึ่งชาวอินูอิตนั้นมีความเชื่อว่ามันเป็นการสร้างความสบายใจให้กับคนแก่ที่ไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว เชื่อกันว่ามันเป็นการทำเพื่อคนที่รักเพื่อให้พวกเขาได้เดินทางไปในที่ดีๆ ดังนั้น ลูกหลานทุกคนจึงส่งพวกเขาสู่ความตายอย่างสง่างาม แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปชาวอินูอิตจึงเปลี่ยนพิธีกรรมนั้นมาเป็นการฝังศพตามความเชื่อทางศาสนา เนื่องจากคนส่วนมากได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์

ปัจจุบันนี้ชาวอินูอิตส่วนมากอาศัยอยู่บริเวณไซบีเรีย และทางตอนเหนือของทวีปอเมริกา ได้แก่ อลาสก้า แคนาดา และกรีนแลนด์ที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด ในบริเวณเหล่านี้มีผู้อาศัยอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่ทั้งหมด เช่น กรีนแลนด์ที่ทั้งประเทศมีประชากรเพียง 56,186 คน จากการสำรวจเมื่อปี 2016 โดยประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอินูอิต และชาวเดนมาร์กเพียง 13% และกระจายเป็นกลุ่มในแคนาดาราว 1 แสนคน

ชาวอินูอิตในปัจจุบันมีการใช้ชีวิตปกติร่วมกับคนในเมืองและคนชาติอื่นๆ มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างมาก แต่ยังคงความเป็นอินูอิตไว้ เช่น การออกล่าปลาวาฬในบางโอกาศ การรับประทานเนื้อแมวน้ำ และการใช้สุนัขลากเลื่อนเป็นยานพาหนะหลัก มีการรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมดังเดิม สามารถพบเห็นสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้ในบ้านเรือนทั่วไปของชาวอินูอิตหรือพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวมรวบประวัติศาสตร์


อ้างอิง

ชนิษา  สิงห์นวล.  (2561).  พิธีศพของ ชาวเอสกิโม.  สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561, จาก:
https://prapayneeplaek.blogspot.com

My Tangmo.  (2555). ชาวเอสกิโม.  สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561, จาก: http://toey-satjapot.blogspot.com

Oporshady.  (2557).  กรีนแลนด์ เกาะใหญ่ ณ แดนเหนือสุดขั้วโลก.  ค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561, จาก:
https://travel.mthai.com/world-travel

Puma.  (2557).  แดนเถื่อนอาร์คติก (Arctic wilderness).  สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561, จาก:
www.komkid.com/แดนเถื่อนอาร์คติกarctic-wilderness

วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล.  (2561).  เถื่อน Travel Season 2 ตอน Arctic ขั้วโลกเหนือสองฤดู. 
สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561, จาก: https://www.youtube.com/watch?v=4rPgoL052BA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น