ศิลปะแบบรอคโคโค (Rococo)

โดย ปิยาภรณ์ เหล่าเกียรติชัย

ศิลปะแบบรอคโคโคพัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส และการตกแต่งภายในเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 แบบของโรโคโคจะเป็นเอกภาพคือทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนัง เฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องประดับจะออกแบบเพื่อให้กลมกลืนกันอันหนึ่งอันเดียวกันมิใช่จะอิสระต่อกันคือไม่มีสิ่งใดในห้องนั้นที่นอกแบบออกมาภายในห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราและอลังการ รูปปั้นเล็กๆแบบประดิดประดอยภาพเขียนหรือกระจกก็จะเป็นกรอบลวดลาย และพรมแขวนผนังที่ถ้าแยกอะไรออกมาก็จะทำให้ห้องนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ศิลปะโรโคโคมาแทนด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิก ซึ่งประวัติความเป็นมาสามารถสรุปได้ ดังนี้

คำว่าร็อคโคโค (Rococo) หมายถึง การตกแต่งภายในอาคารและรูปลักษณ์ของลวดลาย ที่หรูหราหรือโดยอีกความหมาย คือคำว่าโรโคโคมาจากคำสองคำผสมกัน คำว่า rocaille จากภาษาฝรั่งเศสซึ่งหมายถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้ลวดลายคล้ายหอยหรือใบไม้ และคำว่า baroccoจากภาษาอิตาลีหรือที่เรียกว่าศิลปะบาโรกศิลปินโรโคโคจะนิยมเล่นเส้นโค้งตัวซีและตัวเอส (S และ C curves) แบบเปลือกหอย หรือการม้วนตัวของใบไม้เป็นหลักและจะเน้นการตกแต่งประดิดประดอยจนทำให้นักวิจารณ์ศิลปะค่อนว่าเป็นศิลปะของความฟุ้งเฟ้อและเป็นเพียงศิลปะสมัยนิยมเท่านั้น คำว่าโรโคโคเมื่อเริ่มใช้เป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1836 เป็นภาษาพูดที่หมายความว่า โบราณล้าสมัยแต่พอมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 คำนี้ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปโดยนักประวัติศาสตร์ศิลปะโรโคโคถือกันว่าเป็นสมัยของศิลปะที่มีความสำคัญสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตกเป็นยุคศิลปะช่วงสุดท้ายของสมัยบาร็อค

ศิลปะโรโคโคหรือร็อคโคโค ถือกำเนิดจากศิลปะการตกแต่งและศิลปะการตกแต่งภายใน เมื่อปลายสมัยการตกแต่งอย่างหรูหราแบบโรโคโคก็เริ่มลดลงแต่เพิ่มเส้นโค้งและลวดลายที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเห็นชัดได้จากผลงานของ นิโคลัสพินเนอ (Nicholas Pineau) ระหว่างสมัยรีเจนซ์ (Régence) ชีวิตราชสำนักก็เริ่มย้ายออกจากพระราชวังแวร์ซายส์ร็อคโคโคมีรากฐานมั่นคงขึ้นโดยเริ่มจากงานในวังหลวงแล้วขยายออกมาสู่สำหรับชนชั้นสูงผลงานที่ออกมาแสดงถึงความฟุ้งเฟ้อ หรูหรา ของเหล่ากษัตริย์ และขุนนางประติมากรรมในสมัยร็อคโคโคจุดเด่น คือ ความละเอียดประณีต ร่างกายคนมีลักษณะบอบบางนุ่มนวล แสดงความเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อยคล้ายกับจิตรกรรมแสดงลักษณะ หรูหราฟุ้งเฟ้อของสังคมศักดินา ในยุโรป อันเป็นยุคก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติ ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย และเปลี่ยนแปลงแนวทางศิลปะใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นตามมา

ศิลปะโรโคโคเริ่มเสื่อมความนิยมกันราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 เมื่อปัญญาชนเช่นวอลแตร์และ จาค์สฟรังซัวส์บรอนเดล (Jacques-François Blondel) เริ่มประณามว่าศิลปะร็อคโคโคเป็นศิลปะที่ฉาบฉวยเป็นศิลปะที่ทำให้คุณค่าของศิลปะโดยทั่วไปเสื่อมลง ศิลปนีโอคลาสสิกที่ขึงขังเป็นระเบียบกว่าเข้ามาแทนที่ และในระหว่างปี ค.ศ. 1820 ถึง ค.ศ. 1870 ความสนใจทางศิลปะแบบร็อคโคโคก็ถูกฟี้นฟูขึ้นมาอีกศิลปินอังกฤษเป็นศิลปินกลุ่มแรกที่หันมาฟี้นฟูศิลปะลักษณะนี้ และใช้คำว่า "แบบหลุยส์ที่ 14" เมื่อพูดถึงร็อคโคโค ศิลปะโรโคโคที่ไม่มีไม่เป็นที่นิยมกันในปารีสถูกนำมาที่อังกฤษด้วยราคาที่สูงขึนเป็นเท่าตัว แต่ศิลปินคนสำคัญเช่นยูจีนเดอลาครัวส์ (Eugène Delacroix) และ ผู้อุปถัมภ์ศิลปะเช่นจักรพรรดินียูจีน (Empress Eugénie) (พระมเหสีของพระเจ้านโปเลียนที่ 3ก็ซาบซึ้งถึงคุณค่าของศิลปะโรโคโคเพราะความความอ่อนช้อยและความมีลูกเล่น


อ้างอิง

วิกิพีเดีย. 2557. โรโคโค (ออนไลน์). สืบค้นวันที่ 31 มกราคม 2557 จาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81

วัฒนาพร เขื่อนสุวรรณ. 2557. ศิลปะร้อคโคโค(ออนไลน์). สืบค้นวันที่ 31 มกราคม 2557, จาก http://203.158.253.5/wbi/Education/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%28Aesthetics%29/index.htm

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณค่ะกำลังทำรายงานเรื่องนี้พอดีเลยค่ะ

    ตอบลบ