พระแม่มารีแห่งภูผา (Virgin of the Rocks)

โดย นัฐฐิกรณ์ พันธุ์ยุรา

ในยุคกลาง ศิลปกรรมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์โดยเฉพาะ ทำให้ศิลปิน ไม่สามารถถ่ายทอดจินตนาการออกมาอย่างเสรีได้ ผลงานส่วนใหญ่จึงขาดชีวิตชีวา แต่ศิลปกรรมในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการนั้น ศิลปินนิยมใช้รูปแบบงานศิลปะของทางกรีก-โรมันซึ่งมีความเป็นธรรมชาติ  และความสวยงามในร่างกายของมนุษย์ มิติของภาพ สีสัน และแสงเงาในงานประติมากรรมล้วนทำให้มีความสมจริง

หากกล่าวถึงงานศิลปินผู้ที่สร้างศิลปะออกมาได้อย่างสวยงาม หลายๆคนคงต้องนึกถึงชื่อของ เลโอนาร์โด ดา วินชี มาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นศิลปินผู้โด่งดังไปทั่วโลก เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย ทั้ง สถาปนิก นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ ผลงานที่โด่งดังของเขาที่เป็นที่รู้จักกันโดยแพร่หลายก็คือ "พระกระยาหารมื้อสุดท้าย" และ "โมนา ลิซ่า" ผลงานทุกชิ้นของ ดา วินชี จึงเป็นงานที่มีความสำคัญในทางศิลปะและ มีอิทธิพลต่อจิตรกรท่านอื่นๆอีกทั้งยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น

แน่นอนว่างานศิลปะของศิลปินผู้นี้ย่อมมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง และหนึ่งในงานศิลปะที่สวยงามของ ดา วินชี อีกชิ้นหนึ่งนั่นก็คือผลงานที่ชื่อว่า "พระแม่มารีแห่งภูผา" ซึ่งเป็นผลงาน ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก

พระแม่มารีแห่งภูผา หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Virgin of the Rocks เป็นภาพเขียนสีน้ำมันจำนวนสองภาพ ที่มีลักษณะการวางองค์ประกอบของภาพที่เหมือนกัน ถูกวาดขึ้นโดย  เลโอนาร์โด ดา วินชี จิตรกรคนสำคัญสมัยเรอเนซองส์ชาวอิตาลี เขาได้วาดภาพนี้ผ่านเทคนิคชั้นสุดยอดโดยใช้แสงเงา ควัน และการใช้อิริยาบถของตัวละครในภาพในการเลาเรื่องราว ซึ่งภาพนี้ซ่อนอะไรไว้นั้นก็ไม่มีใครสามารถตอบได้

เลโอนาร์โด ดา วินชี ได้วาดภาพนี้ขึ้นมาสองภาพโดยภาพแรกนั้นจัดตั้งแสดงอยู่ภาพในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ส่วนอีกภาพจัดแสดงอยู่ภาพในหอศิลป์แห่งชาติ,ลอนดอน สองภาพนี้มีความต่างกันเพียงจุดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น โดยภาพแรกนั้นถูกจ้างให้วาดขึ้นมาโดยบุคคลท่านหนึ่งเพื่อจะนำไปติดที่โบสถ์แห่งเมืองมิลานขนาดและรูปแบบถูกกำหนดโดยผู้ว่าจ้างแต่เมื่อวาดเสร็จแล้วผู้ว่าจ้างกลับไม่พอใจในรายละเอียดบางอย่าง ซึ่งเป็นจุดที่ขัดตาของชาวคาธอลิคเป็นอย่างมาก ทางโบสถ์จึงขอให้วาดขึ้นมาใหม่โดยที่จะออกค่าใช้จ่ายให้เองภาพที่สองจึงถูกเก็บรักษาไว้ที่หอศิลป์แห่งชาติ กรุงลอนดอน

ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการชาวยุโรปยังคงศรัทธาในพระเจ้า แต่ค่านิยมในสมัยนั้นทำให้ชาวยุโรปมีแนวคิดในความต้องการดำเนินชีวิตให้ดีขึ้นและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพื่อความสุขสบายและความมั่นคงให้กับตัวเอง เหล่านี้จึงถูกรังสรรค์ออกมาผ่านทางศิลปะในแขนงต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของของตนเองเท่านั้น


อ้างอิง

ผู้เขียนบล็อกชื่อ melody .(2009). ความทรงจำ ของบ้านเก่า(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2557, จาก http://www.arcana.in.th/ABCboard/viewtopic.php?p=144647&sid=8f93f752dede3775b1c57ee21c24b7e6.

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.พระแม่มารีแห่งภูผา(ออนไลน์).สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2557, จาก http://th.wikipedia.org/wiki/พระแม่มารีแห่งภูผา.

Suthee Chaichamroen.(2012). ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ "Renaissance"(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2557, จาก http://history-ofthailand.blogspot.com/2012/07/renaissance.html.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น