เพพเจ้ากวนอู

โดย ชิงชัย โนนคำ

“คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าชายหรือหญิง คุณค่าของชีวิตนั้นอยู่ที่การปฏิบัติที่สุดถึงความจงรักภัคดี กตัญญู รักษาเกียรติและมโนธรรม ต่อพระมหากษัตริย์ เบื้องสูงต้องมีความจงรักภัคดี ต่อพ่อแม่ตน หรือพ่อ แม่สามี ต้องมีความกตัญญู เลี้ยงดูให้ความเคารพ ต่อตนเองต้องรู้จักรักษาเกียรติ ต่อเพื่อนฝูงมีมโนธรรมน้ํา ใจ อันความจงรักภัคดีกตัญญู รักษาเกียรติมีมโนธรรม นี้ หากสามารถปฏิบัติอย่างสุดกําลังกายกําลังใจ ทํา ให้ถึงที่สุดแล้ว จึงไม่ต้องมีสิ่ง ใดให้ละอายแก่ใจต่อความเป็นคน สามารถยืนอยู่ภายใต้ฟ้าดินอย่างสง่าผ่าเผย หากรักตัวกลัวตาย มีชีวิตอยู่อย่างขอไปที โดยไม่สามารถปฏิบัติในความจงรักภัคดี กตัญญู รักษาเกียรติ มโนธรรม แม้ร่างกายจะอยู่แต่กัลยาณจิตของเราก็ได้ตายไปนานแล้วนี่เรียกว่ามีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้ ” เป็นคำสอนของเทพเจ้ากวนอูที่หวังจะให้คนรู้คุณคน รู้จักการตอบแทนของผู้มีพระคุณกับเรา ผู้ที่คอยช่วยเหลือเรา  หรือแม้กระทั่งความซื่อสัตย์ที่หาได้ยากยิ่งจากบุคคลทั่วไป



แต่เดิมทีนั้นกวนอูเป็นชาวอำเภอไก่เหลียงมีชื่อเต็มว่าอำเภอฮอตั๋งไกเหลียง ดินแดนฮอตั๋ง ชื่อเดิมคือเผิงเสียน ชื่อรองโซ่วฉาง  หรือ หยุนฉาง(แปลว่า เมฆยาว ในสำเนียงแต้จิ๋วออกเสียงว่า หุนเตี๋ยง) รูปร่างสูงใหญ่ สง่างามน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น มีกำเนิดในครอบครัวนักปราชญ์ เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์พิชัยสงครามและคัมภีร์หลี่ซื่อชุนชิว  เป็นนักโทษต้องคดีอาญาแผ่นดิน หลบหนีการจับกุมเร่รอนไปทั่วประเทศจีนเป็นเวลานานถึง 5 ปี จนกระทั่งถึงด่านถงกวน นายด่านพบพิรุธจึงสอบถามชื่อแซ่ กวนอูตกใจจึงชี้ไปที่ชื่อด่านคือ "ถงกวน" (ในภาษาจีนกลาง คำว่า "กวน" แปลว่า ด่าน) ทำให้นายด่านเข้าใจว่ากวนอูนั้นแซ่กวน หลังจากนั้นเป็นต้นมากวนอูจึงเปลี่ยนจากชื่อเดิมคือเผิงเสียนเป็นกวนอู  ต่อมาได้พบเล่าปี่และเตียวหุยที่ตุ้นก้วนและร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน ในสวนท้อ

ในช่วงชีวิตของกวนอูนั้นได้มีวีรกรรมมากมายที่เป็นที่เลื่องลือโดยเริ่มจากการร่วมปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองร่วมกับทหารหลวงของพระเจ้าเลนเต้ สังหารฮัวหยงแม่ทัพของตั๋งโต๊ะโดยที่สุราคารวะจากโจโฉยังอุ่นอยู่ ปราบงันเหลียงและบุนทิวสองทหารเอกของอ้วนเสี้ยว บุกเดี่ยวพันลี้หนีจากโจโฉเพื่อหวนกลับคืนสู่เล่าปี่ด้วยคำสัตย์สาบานในสวนท้อ ทั้งที่โจโฉพยายามทุกวิถีทางเพื่อมัดใจกวนอูแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 ขุนพลของโจโฉ และในคราวศึกเซ็กเพ็กโจโฉแตกทัพหนีไปตามเส้นทางฮัวหยง กวนอูได้รับมอบหมายจากขงเบ้งให้นำกำลังทหารมาดักรอจับกุม โจโฉว่ากล่าวตักเตือนให้กวนอูระลึกถึงบุญคุณครั้งก่อนจนกวนอูใจอ่อนยอมปล่อยโจโฉหลุดรอดไป โดยยอมรับโทษตามที่ได้ทำทัณฑ์บนไว้กับขงเบ้ง

กวนอูเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมในด้านความสัตย์ซื่อและความกล้าหาญ ได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างมากจากผู้ปกครองและราษฎรทั่วไป ดั่งตัวอย่างด้านความสัตย์ซื่อ คือ เมื่อคราวที่เล่าปี่ทำศึกแพ้โจโฉที่เมืองชีจิ๋วแตกแยกพลัดพรากจากกวนอูและเตียวหุย เล่าปี่หนีไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว เตียวหุยแตกไปแย่งชิงเมืองเล็ก ๆ และตั้งซุ่มเป็นกองโจร กวนอูถูกโจโฉวางกลอุบายล้อมจับตัวได้ที่เมืองแห้ฝือ และมอบหมายให้เตียวเลี้ยวมาเจรจาเกลี้ยกล่อม กวนอูขอสัญญาสามข้อจากโจโฉคือ " เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง  เราจะขอปฏิบัติพี่สะใภ้ทั้งสอง แลอย่าให้ผู้ใดเข้าออกกล้ำกรายเข้าถึงประตูที่อยู่ได้ จะขอเอาเบี้ยหวัดของเล่าปี่ซึ่งเคยได้รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้เราทั้งสองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งถ้าเรารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดตำบลใด ถึงมาตรว่าเรามิได้ลามหาอุปราชเราก็จะไปหาเล่าปี่ แม้มหาอุปราชจะห้ามเราก็ไม่ฟัง"  โจโฉตกลงตามสัญญาสามข้อจึงได้กวนอูไว้ตามต้องการ

หลังจากนั้นโจโฉจึงได้นำกวนอูไปถวายตัวต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ พยายามเลี้ยงดูกวนอูอย่างดีเพื่อให้ลืมคุณของเล่าปี่แต่หนหลัง ให้เครื่องเงินเครื่องทองแลแพรอย่างดีแก่แก่กวนอูเพื่อหวังเอาชนะใจ สามวันแต่งโต๊ะไปให้ครั้งหนึ่ง ห้าวันครั้งหนึ่ง จัดหญิงสาวรูปงามสิบคนให้ไปปฏิบัติหวังผูกน้ำใจกวนอูให้หลง แต่กวนอูกลับไม่สนใจต่อทรัพย์สินและหญิงงามที่โจโฉมอบให้ ใจมุ่งหวังแต่เพียงคิดหาทางกลับคืนไปหาเล่าปี่ โจโฉเห็นเสื้อผ้ากวนอูเก่าและขาดจึงมอบเสื้อใหม่ให้ กวนอูจึงนำเสื้อเก่าสวมทับเสื้อใหม่ด้วยเหตุผลที่ว่า " เสื้อเก่านี้ของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเสื้อผืนนี้ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า"

โจโฉเห็นม้าที่กวนอูขี่ผ่ายผอมเพราะทานน้ำหนักกวนอูไม่ไหวจึงมอบม้าเซ็กเธาว์ของลิโป้ให้ สร้างความดีใจให้กวนอูเป็นอย่างยิ่งจนถึงกับคุกเข่าคำนับโจโฉหลายครั้งจนโจโฉสงสัยถามว่า " เราให้ทองสิ่งของแก่ท่านมาเป็นอันมากก็ไม่ยินดี ท่านไม่ว่าชอบใจและมีความยินดีเหมือนเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้าอันเป็นสัตว์เดียรัจฉานมากกว่าทรัพย์สินอีกเล่า"  กวนอูจึงตอบด้วยเหตุผลว่า "ข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำลังมาก เดินทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็ว เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี ขอบคุณมหาอุปราชมากกว่าให้สิ่งของทั้งปวง"  ด้วยเหตุนี้เองโจโฉจึงเข้าใจได้ว่า ถึงแม้จะทำดีเพียง มอบความสุขสบาย จะให้สิ่งของน้ำใจมากมายยังไงก็ไม่สามารถที่จะซื้อใจกวนอูได้  ภายหลังกวนอูได้ทราบว่าเล่าปี่ยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ตามไปสมทบโดยทันที

ด้วยเหตุการณ์ดั่งตัวอย่างที่กล่าวมานี้เอง จึงทำให้กวนอูกลายมาเป็นเทพเจ้าที่ได้รับการเคารพบูชากราบไหว้ จนได้รับเกียรติอย่างสูงสุดคือได้รับการยกย่องให้เทียบเท่ากับขงจื๊อ ภายหลังจากกวนอูเสียชีวิต ได้มีข่าวลือว่าศีรษะของกวนอูถูกฝังอยู่ทางตอนใต้ของเมืองลกเอี๋ยง ผู้คนที่ทราบข่าวและศรัทธาในตัวกวนอูจึงไปสร้างวัดเทพเจ้ากวนอูและวัดกวน หลินในเมืองลกเอี๋ยง เพื่อเป็นการสักการบูชากราบไหว้ในคุณความดีทั้งสี่ของกวนอูคือ "สัตย์ซื่อถือคุณธรรม กตัญญูรู้คุณและความกล้าหาญ"


อ้างอิง :

answers.yahoo.com:ทำไมเทพเจ้ากวนอูจึงได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์และทำไมจึงมีมีใบหน้าสีแดง. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 3 มิถุนายน 2560, จาก:
https://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20091128074752AAfKLjk

sakdahome.com: เทพเจ้ากวนอู เทพแห่งความซื่อสัตย์ 1. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2560, จาก: https://docs.google.com/file/d/0B4kNyTcZMfgnOEhkcnBvMzhPeXc/edit

wikipedia.org: กวนอู. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2560, จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B9


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น