โดย ปฏิภาณ มหาอุดม
สวนลอยแห่งบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) นับเป็นความรุ่งเรืองเกรียงไกรยิ่ง โดยเฉพาะตำนานของคริสเตียนได้มีข้อความที่กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของสวยลอยแห่งนี้ไว้มาก กล่าวกันว่าบาบิโลนคือสถานที่แรกๆ ของบรรพบุรุษชาวโลกในกาลก่อน และยังมีบางส่วนที่กล่าวถึงบาบิโลนในฐานะที่เป็นหอคอบสูงที่มนุษย์ใช้สำหรับหลับภัยยามน้ำท่วมโลกก่อนที่จะพังทลายลง ปัจจุบันนักวิชาการต่างพยายามค้นคว้าข้อมูลและหาตำแหน่งที่แท้จริงของสถานที่ตั้งสวนลอยว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด
สวนลอยแห่งบาบิโลนตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สุงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่างๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกิสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี ปัจจุบันสวนนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า บาบิโลนเป็นนครของชาวเซไม้ท์กลุ่มหนึ่ง อยู่ทางภาคใต้ของบริเวณเมโสโปเตเมีย เมื่อประมาณ 2,350 ก่อน ค.ศ. ซึ่งพัฒนาต่อๆมาเป็นนครใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่งของโลก มีกำแพงเมืองล้อมรอบตัวเมืองเป็นระยะทางเกือบ 8 กิโลเมตร มีหอคอยกั้นระหว่างกำแพงเป็นระยะๆ มีประตูเมือง 8 แห่ง เข้าสู่ภายในเมือง ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐ ตรงประตูเมืองวาดภาพเป็นรูปสัตว์นับร้อยๆ ภาพ ตกแต่งสวยงาม มีถนนบนกำแพงเมืองกว้างพอให้ทหารเดินไปรอบๆเมือง เพื่อป้องกันข้าศึก
ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่ากำแพงเมืองบาบิโลนสูง 700 ฟุต มีความหนามาก จนส่วนบนของกำแพงกว้างพอให้รถศึกเทียมด้วยม้า 4 ตัว วิ่งไปบนส่วนของกำแพงได้ แต่ข้อมูลนี้ถูกโต้แย้งในเรื่องของความสูงว่า จริงๆ แล้วอาจบันทึกผิด น่าจะสูงแค่ 70 เมตรก็เป็นได้ บาบิโลนและอัสซีเรีย 2 จักรวรรดิของชาวเซไม้ท์ในเมโสโปเตเมียดินแดนแห่งลุ่มน้ำไทกรีส ยูเฟรตีส ได้เจริญรุ่งเรืองอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และทิ้งอารยธรรมไว้แก่โลกก่อนที่จะถูกมหาอำนาจใหม่ในตะวันออกกลาง คือ เปอร์เซีย ได้ทำลายทั้งอัสซีเรีย (ปี 612 ก่อน ค.ศ.) และบาบิโลน (ปี 539 ก่อน ค.ศ.) ราวกับสวรรค์จากนั้นพอกับบ้านเกิดเลยเล่าเรื่องสวนสวยของเมโสโปเตเมียสิ่งก่อสร้างหอคอยกำแพงเมืองทำให้นักกวีและนักประวัติศาสตร์กรีกทั้งหลายเลยเอามาผสมปนเปกันจนเป็นสวนลอยบาบิโลมในที่สุด
ภายในกำแพงเมืองเข้าไปเป็นที่ตั้งของพระราชวังกษัตริย์และวิหารทางศาสนา “ซิกูแรท” ลักษณะคล้ายปิรามิดยุคแรกๆ คือ เป็นชั้นๆ ไม่เรียบ การที่บาบิโลนมีวิหารรูปซิกูแรท แสดงให้เห็นถึงได้อิทธิพลมาจากชาวสุเมเรียน ที่อาศัยในดินแดนแถบนี้มาก่อน
สวนลอยแห่งบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) ทำให้ให้เห็นถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรและการชลประทานขั้นสูง ที่สามารถนำสวนพืชไปปลูกบนพระราชวังได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีวิหารสวยงามและพระราชวังอีกหลายแห่งภายในบริเวณตัวเมือง ส่วนชาวบ้านสร้างที่พักด้วยดินอยู่รอบๆเมืองด้วย
กรุงบาบิโลนกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าของประชาชนหลายกลุ่มในดินแดนเมโสโปเตเมีย จึงมีการพัฒนาความเจริญและรวดเร็ว มีความรู้ในการนับเลข และบวกเลข ประดิษฐ์สิ่งต่างๆเพื่อใช้คำนวณ เช่น สูตรคูณ และการใช้เลข 10 ซึ่งต่อมาชาวยุโรปได้นำมาใช้ และยังมีความรู้ด้านดาราศาสตร์สูงเนื่องจากบริเวณที่ตั้งของกรุงบาบิโลนไม่มีเมฆบัง และเป็นชนกลุ่มแรกๆ ของโลกที่รู้ว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวต่างๆอีก 5 ดวงมีความแตกต่างจากดาวดวงอื่น จนสามารถทำปฏิทินรุ่นแรกๆของโลกได้ โดยกำหนดให้หนึ่งเดือนมี 28 วัน แยกเป็น 4 สัปดาห์ๆ ละ 7 วัน โดยจะตั้งชื่อวันตามดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีก 5 ดวง
อารยธรรมยิ่งใหญ่ของบาบิโลนที่ทิ้งไว้ให้แก่มนุษย์ชาติ สำคัญๆได้แก่ กฏหมายของบาลิโลนที่มีความยุติธรรมและเขียนบันทึกไว้บนแผ่นดินเหนียวซึ่งยังคงเหลือมาถึงปัจจุบัน โดยกษัตริย์ฮัมมุรัมบี ตรากฏหมายเรื่องต่างๆ เช่น การสมรส โจรกรรม หนี้สิน การจราจรทางน้ำ ค่าจ้างแรงงาน การรักษาคลอง กฏหมายกำหนดราคา ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้นี้เป็นกฏหมายที่ยุติธรรมแต่บทลงโทษโหดร้าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกฏหมายที่ดี จนโรมันนำมาใช้ทั่วจักรวรรดิโรมัน และประเทศยุโรปยังเอากฎหมายโรมันมาใช้อยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่าจะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสวนลอยฟ้าแห่งนี้ถูกสร้างไว้ที่ใดอย่างแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตามสิ่งก่อสร้างนี้ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมและวิถีชลประทานของกลุ่มชนในยุคที่เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างในเวลาปัจจุบันยังเข้าไม่ถึง แต่ความใหญ่โตและความน่าอัศจรรย์นี้ทำให้สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลนถูกจัดอันดับขึ้นเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณมาอย่างยาวนาน
อ้างอิง
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2559. จาก
https://7thingspacial.wordpress.com/
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน. 2009 .(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2559. จาก http://study.eduzones.com/
สุดยอดสวน...สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน. 13 สิงหาคม 2553.(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23กันยายน 2559. จาก http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3061
สวนลอยแห่งบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) นับเป็นความรุ่งเรืองเกรียงไกรยิ่ง โดยเฉพาะตำนานของคริสเตียนได้มีข้อความที่กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของสวยลอยแห่งนี้ไว้มาก กล่าวกันว่าบาบิโลนคือสถานที่แรกๆ ของบรรพบุรุษชาวโลกในกาลก่อน และยังมีบางส่วนที่กล่าวถึงบาบิโลนในฐานะที่เป็นหอคอบสูงที่มนุษย์ใช้สำหรับหลับภัยยามน้ำท่วมโลกก่อนที่จะพังทลายลง ปัจจุบันนักวิชาการต่างพยายามค้นคว้าข้อมูลและหาตำแหน่งที่แท้จริงของสถานที่ตั้งสวนลอยว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด
สวนลอยแห่งบาบิโลนตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สุงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่างๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกิสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี ปัจจุบันสวนนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว
ที่มา: http://www.manager.co.th/
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า บาบิโลนเป็นนครของชาวเซไม้ท์กลุ่มหนึ่ง อยู่ทางภาคใต้ของบริเวณเมโสโปเตเมีย เมื่อประมาณ 2,350 ก่อน ค.ศ. ซึ่งพัฒนาต่อๆมาเป็นนครใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่งของโลก มีกำแพงเมืองล้อมรอบตัวเมืองเป็นระยะทางเกือบ 8 กิโลเมตร มีหอคอยกั้นระหว่างกำแพงเป็นระยะๆ มีประตูเมือง 8 แห่ง เข้าสู่ภายในเมือง ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐ ตรงประตูเมืองวาดภาพเป็นรูปสัตว์นับร้อยๆ ภาพ ตกแต่งสวยงาม มีถนนบนกำแพงเมืองกว้างพอให้ทหารเดินไปรอบๆเมือง เพื่อป้องกันข้าศึก
ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่ากำแพงเมืองบาบิโลนสูง 700 ฟุต มีความหนามาก จนส่วนบนของกำแพงกว้างพอให้รถศึกเทียมด้วยม้า 4 ตัว วิ่งไปบนส่วนของกำแพงได้ แต่ข้อมูลนี้ถูกโต้แย้งในเรื่องของความสูงว่า จริงๆ แล้วอาจบันทึกผิด น่าจะสูงแค่ 70 เมตรก็เป็นได้ บาบิโลนและอัสซีเรีย 2 จักรวรรดิของชาวเซไม้ท์ในเมโสโปเตเมียดินแดนแห่งลุ่มน้ำไทกรีส ยูเฟรตีส ได้เจริญรุ่งเรืองอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และทิ้งอารยธรรมไว้แก่โลกก่อนที่จะถูกมหาอำนาจใหม่ในตะวันออกกลาง คือ เปอร์เซีย ได้ทำลายทั้งอัสซีเรีย (ปี 612 ก่อน ค.ศ.) และบาบิโลน (ปี 539 ก่อน ค.ศ.) ราวกับสวรรค์จากนั้นพอกับบ้านเกิดเลยเล่าเรื่องสวนสวยของเมโสโปเตเมียสิ่งก่อสร้างหอคอยกำแพงเมืองทำให้นักกวีและนักประวัติศาสตร์กรีกทั้งหลายเลยเอามาผสมปนเปกันจนเป็นสวนลอยบาบิโลมในที่สุด
สวนลอยแห่งบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) ทำให้ให้เห็นถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรและการชลประทานขั้นสูง ที่สามารถนำสวนพืชไปปลูกบนพระราชวังได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีวิหารสวยงามและพระราชวังอีกหลายแห่งภายในบริเวณตัวเมือง ส่วนชาวบ้านสร้างที่พักด้วยดินอยู่รอบๆเมืองด้วย
กรุงบาบิโลนกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าของประชาชนหลายกลุ่มในดินแดนเมโสโปเตเมีย จึงมีการพัฒนาความเจริญและรวดเร็ว มีความรู้ในการนับเลข และบวกเลข ประดิษฐ์สิ่งต่างๆเพื่อใช้คำนวณ เช่น สูตรคูณ และการใช้เลข 10 ซึ่งต่อมาชาวยุโรปได้นำมาใช้ และยังมีความรู้ด้านดาราศาสตร์สูงเนื่องจากบริเวณที่ตั้งของกรุงบาบิโลนไม่มีเมฆบัง และเป็นชนกลุ่มแรกๆ ของโลกที่รู้ว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวต่างๆอีก 5 ดวงมีความแตกต่างจากดาวดวงอื่น จนสามารถทำปฏิทินรุ่นแรกๆของโลกได้ โดยกำหนดให้หนึ่งเดือนมี 28 วัน แยกเป็น 4 สัปดาห์ๆ ละ 7 วัน โดยจะตั้งชื่อวันตามดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีก 5 ดวง
อารยธรรมยิ่งใหญ่ของบาบิโลนที่ทิ้งไว้ให้แก่มนุษย์ชาติ สำคัญๆได้แก่ กฏหมายของบาลิโลนที่มีความยุติธรรมและเขียนบันทึกไว้บนแผ่นดินเหนียวซึ่งยังคงเหลือมาถึงปัจจุบัน โดยกษัตริย์ฮัมมุรัมบี ตรากฏหมายเรื่องต่างๆ เช่น การสมรส โจรกรรม หนี้สิน การจราจรทางน้ำ ค่าจ้างแรงงาน การรักษาคลอง กฏหมายกำหนดราคา ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้นี้เป็นกฏหมายที่ยุติธรรมแต่บทลงโทษโหดร้าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกฏหมายที่ดี จนโรมันนำมาใช้ทั่วจักรวรรดิโรมัน และประเทศยุโรปยังเอากฎหมายโรมันมาใช้อยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่าจะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสวนลอยฟ้าแห่งนี้ถูกสร้างไว้ที่ใดอย่างแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตามสิ่งก่อสร้างนี้ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมและวิถีชลประทานของกลุ่มชนในยุคที่เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างในเวลาปัจจุบันยังเข้าไม่ถึง แต่ความใหญ่โตและความน่าอัศจรรย์นี้ทำให้สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลนถูกจัดอันดับขึ้นเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณมาอย่างยาวนาน
อ้างอิง
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2559. จาก
https://7thingspacial.wordpress.com/
สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน. 2009 .(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2559. จาก http://study.eduzones.com/
สุดยอดสวน...สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน. 13 สิงหาคม 2553.(ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23กันยายน 2559. จาก http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3061
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น