โดย กีรตา รวมธรรม
ยุโรปเป็นทวีปที่มีแหล่งอารยธรรมเก่าแก่มาตั้งแต่หลายพันปีก่อน มีการติดต่อกับหลายเชื้อชาติจากหลายพื้นที่ต่างอารยธรรมทั้งในเรื่องของการค้าขาย การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และรวมไปถึงสงครามที่เกิดขึ้นจากการขยายอำนาจ การแย่งชิงความเป็นใหญ่ การปล้นสะดม หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อมาเมื่อทวีปยุโรปมีความเจริญมากขึ้น มีประชากรหนาแน่น มีการก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นเพื่อแสดงขอบเขตอำนาจชัดเจน ก็มีการแบ่งพรรคพวกเพื่อคานอำนาจและทำสงครามซึ่งเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง อุดมการณ์ การล่าอาณานิคมหรือเหตุผลทางด้านศาสนา ยุโรปจึงเป็นทวีปที่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศสูง มีการทำสงครามบ่อยครั้ง สงครามแปดสิบปีก็เป็นหนึ่งในสงครามที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาวยุโรปเช่นกัน
สงครามแปดสิบปี (ค.ศ.1568-1648) เป็นสงครามระหว่างจักรวรรดิสเปนกับสาธารณรัฐดัตช์และอังกฤษเนื่องจากสาธารณรัฐดัตช์ไม่พอใจในนโยบายการปกครองของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และสเปนที่เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงและกวาดล้างชาวคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์เป็นจำนวนมากจึงมีการเรียกร้องเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
โดยในช่วงศตวรรษที่ 16 กลุ่ม 17 จังหวัดลุ่มต่ำ (17 provinces of Habsburg Netherlands) หรือเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์โดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ซึ่งพระเจ้าฟิลิปที่ 2 นั้นนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอย่างเคร่งครัดและพระองค์รังเกียจศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์เป็นอย่างมากจึงมีการไล่ล่าชาวคริสต์โปรแตสแตนท์ ทำให้คนหลายกลุ่มไม่พอใจจึงมีการทำขบวนการต่อต้านนโยบายของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 โดยมีเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเร็นจ์ซึ่งเป็นชาวคริสต์นิกายคาธอลิกแต่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายกวาดล้างชาวโปรแตสแตนท์เป็นผู้ให้การสนับสนุนและประกาศให้สาธารณรัฐดัตช์ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
การกระทำของเจ้าชายวิลเลียมนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับพระเจ้าฟิลิปเป็นอย่างมาก จึงได้แต่งตั้งให้นายพลเฟอร์นานโด้เข้ามาดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ในปี 1567 ทำให้เจ้าชายวิลเลียมต้องวางมือและหลบหนีไป นายพลเฟอร์นานโด้ได้ตั้งกลุ่ม Council of Troubles ขึ้นเพื่อพิจารณาคดีของเจ้าชายวิลเลียมและผู้ให้การสนันสนุนแต่เจ้าชายวิลเลียมไม่ได้มาตามหมายเรียก ทำให้สภาประกาศว่าเขาเป็นกบฏและถูกยึดทรัพย์สิน
สงครามเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1568 ที่สมรภูมิเฮียลิเกอร์รี ในตอนแรกฝ่ายกบฏชนะกองทัพเล็กๆของสเปนทั้งทางบกและทางน้ำ แต่ต่อมากองทัพกบฏเกิดปัญหาทางด้านการเงินและกองทัพของนายพลเฟอร์นานโด้ก็ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสจึงทำให้ต้องเป็นฝ่ายหลบหนีแทน
1 มีนาคม ค.ศ. 1572 กองทัพของฝ่ายกบฏถูกขับไล่ออกจากชายฝั่งอังกฤษโดยพระนางอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษเพื่อเอาใจพระเจ้าฟิลิป แต่กองทัพกบฏก็ออกเรือไปยึดเมือง Bril ได้ในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งต่อมากลายเป็นฐานที่มั่นหลักในการยึดเมืองจากสเปน หลายเมืองในสาธารณรัฐดัชต์ได้ประกาศสนับสนุนฝ่ายกบฏ(ยกเว้นอัมเตอร์ดัมและมิดเดลเบิร์กยังคงสนับสนุนสเปนจนถึงปี 1578) การประชุมในเดือนกรกฎาคม 1572 ได้ลงมติให้เจ้าชายวิลเลียมให้ปกครองสี่จังหวัดในสาธารณรัฐดัชต์โดยแบ่งอำนาจกับผู้ปกครองเดิม ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในกลุ่ม โดยมีบางส่วนอยากทำสงครามกับสเปนต่อแต่ที่เหลือจำนวนไม่น้อยอยากจงรักภักดีต่อสเปน
4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1576 เกิดเหตุการณ์ Sacked Antwerp เกิดจากทหารรับจ้างของสเปนปล้นสะดมภายในเมือง Zierikzee และ Aalst ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 คน ภายใน 3 วัน ซึ่งทำให้ชาวสเปนตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและบั่นทอนพระราชอำนาจของพระเจ้าฟิลิป ระหว่างนั้นได้มีการทำข้อตกลง Pacification of Grent ในวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยทหารสเปนต้องถอนกำลังทหารออกไป
6 มกราคม ค.ศ. 1579 ได้มีการทำข้อตกลง Union of Arras ระหว่างสเปนกับจังหวัดทางใต้บางส่วนว่าจะขึ้นตรงต่อสเปน ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมได้ตอบโต้ข้อตกลงนี้โดยทำข้อตกลงUnion of Utreccht ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1579 กับ 7 จังหวัดทางเหนือว่าจะไม่อยู่ภายใต้อำนาจของสเปน
ต่อมา การเจรจาของทั้งสองฝ่ายยังไม่เป็นผล มีการทำสงครามอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านของนโยบายทางศาสนาและเส้นทางการค้าของดินแดนตะวันออกไกลและอเมริกา สเปนส่งกองทัพไปดัตช์ ส่วนดัตช์ก็ส่งกองทัพเรือไปโจมตียึดเส้นทางการค้าของสเปน
ค.ศ. 1639 สเปนส่งกองทัพเรือ พร้อมทหารกว่า 20,000 นายไปโจมตีดัตช์แต่พ่ายแพ้ย่อยยับในการรบที่ดาวน์ส นับเป็นการสูญเสียสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางทะเลของสเปน ณ ขณะนั้น
30 มกราคม ค.ศ. 1648 สงครามได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการจากการลงนามสนธิสัญญามุนส์เตอร์ระหว่างสเปนกับดัตช์ โดยดัตช์ได้รับการรับรองเป็นประเทศเอกราชอย่างเป็นทางการในที่สุด
สเปนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เกิดสนธิสัญญามุนส์เตอร์และสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลียซึ่งรับรองเอกราชของดัตช์ ประกอบด้วย 7 มณฑลเนเธอร์แลนด์ของฮับส์บูร์ก ดังนี้ ฮอลแลนด์ โกรนิงเงิน ยูเทรกต์ เกลเดอร์แลนด์ โอเวอร์ไรส์เซิล ฟรีสแลนด์ และซีแลนด์ สเปนมีความเสียหายทั้งด้านกองทัพและทรัพย์สินอย่างหนัก
สงครามในครั้งนี้ถือเป็นสงครามที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายทำให้เกิดความขัดแย้งและไม่มีฝ่ายใดยอมฝ่ายใด ทำให้เกิดสงครามที่ยาวนานและสร้างความเสียหายกับทั้งสองฝ่ายอย่างใหญ่หลวงและสร้างบาดแผลที่ยากจะลืมเลือน
อ้างอิง :
ทสมล ชนาดิศัย. (2558). อัจฉริยะ 100 หน้า : สงคราม. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์อมรินทร์.
ชล บุนนาค. (2557). รากทางประวัติศาสตร์ของการเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสังคมดัตช์. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559, จาก https://cholbunnag.wordpress.com/category/dutch/
80 years war. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559, จาก http://www.hoboctn.com/post/10841646845/80-years-war
ยุโรปเป็นทวีปที่มีแหล่งอารยธรรมเก่าแก่มาตั้งแต่หลายพันปีก่อน มีการติดต่อกับหลายเชื้อชาติจากหลายพื้นที่ต่างอารยธรรมทั้งในเรื่องของการค้าขาย การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และรวมไปถึงสงครามที่เกิดขึ้นจากการขยายอำนาจ การแย่งชิงความเป็นใหญ่ การปล้นสะดม หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อมาเมื่อทวีปยุโรปมีความเจริญมากขึ้น มีประชากรหนาแน่น มีการก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นเพื่อแสดงขอบเขตอำนาจชัดเจน ก็มีการแบ่งพรรคพวกเพื่อคานอำนาจและทำสงครามซึ่งเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง อุดมการณ์ การล่าอาณานิคมหรือเหตุผลทางด้านศาสนา ยุโรปจึงเป็นทวีปที่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศสูง มีการทำสงครามบ่อยครั้ง สงครามแปดสิบปีก็เป็นหนึ่งในสงครามที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาวยุโรปเช่นกัน
สงครามแปดสิบปี (ค.ศ.1568-1648) เป็นสงครามระหว่างจักรวรรดิสเปนกับสาธารณรัฐดัตช์และอังกฤษเนื่องจากสาธารณรัฐดัตช์ไม่พอใจในนโยบายการปกครองของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และสเปนที่เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงและกวาดล้างชาวคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์เป็นจำนวนมากจึงมีการเรียกร้องเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
โดยในช่วงศตวรรษที่ 16 กลุ่ม 17 จังหวัดลุ่มต่ำ (17 provinces of Habsburg Netherlands) หรือเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์โดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ซึ่งพระเจ้าฟิลิปที่ 2 นั้นนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอย่างเคร่งครัดและพระองค์รังเกียจศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์เป็นอย่างมากจึงมีการไล่ล่าชาวคริสต์โปรแตสแตนท์ ทำให้คนหลายกลุ่มไม่พอใจจึงมีการทำขบวนการต่อต้านนโยบายของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 โดยมีเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเร็นจ์ซึ่งเป็นชาวคริสต์นิกายคาธอลิกแต่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายกวาดล้างชาวโปรแตสแตนท์เป็นผู้ให้การสนับสนุนและประกาศให้สาธารณรัฐดัตช์ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน
ที่มา : http://www.nndb.com/
การกระทำของเจ้าชายวิลเลียมนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับพระเจ้าฟิลิปเป็นอย่างมาก จึงได้แต่งตั้งให้นายพลเฟอร์นานโด้เข้ามาดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ในปี 1567 ทำให้เจ้าชายวิลเลียมต้องวางมือและหลบหนีไป นายพลเฟอร์นานโด้ได้ตั้งกลุ่ม Council of Troubles ขึ้นเพื่อพิจารณาคดีของเจ้าชายวิลเลียมและผู้ให้การสนันสนุนแต่เจ้าชายวิลเลียมไม่ได้มาตามหมายเรียก ทำให้สภาประกาศว่าเขาเป็นกบฏและถูกยึดทรัพย์สิน
สงครามเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1568 ที่สมรภูมิเฮียลิเกอร์รี ในตอนแรกฝ่ายกบฏชนะกองทัพเล็กๆของสเปนทั้งทางบกและทางน้ำ แต่ต่อมากองทัพกบฏเกิดปัญหาทางด้านการเงินและกองทัพของนายพลเฟอร์นานโด้ก็ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสจึงทำให้ต้องเป็นฝ่ายหลบหนีแทน
1 มีนาคม ค.ศ. 1572 กองทัพของฝ่ายกบฏถูกขับไล่ออกจากชายฝั่งอังกฤษโดยพระนางอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษเพื่อเอาใจพระเจ้าฟิลิป แต่กองทัพกบฏก็ออกเรือไปยึดเมือง Bril ได้ในวันที่ 1 เมษายน ซึ่งต่อมากลายเป็นฐานที่มั่นหลักในการยึดเมืองจากสเปน หลายเมืองในสาธารณรัฐดัชต์ได้ประกาศสนับสนุนฝ่ายกบฏ(ยกเว้นอัมเตอร์ดัมและมิดเดลเบิร์กยังคงสนับสนุนสเปนจนถึงปี 1578) การประชุมในเดือนกรกฎาคม 1572 ได้ลงมติให้เจ้าชายวิลเลียมให้ปกครองสี่จังหวัดในสาธารณรัฐดัชต์โดยแบ่งอำนาจกับผู้ปกครองเดิม ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในกลุ่ม โดยมีบางส่วนอยากทำสงครามกับสเปนต่อแต่ที่เหลือจำนวนไม่น้อยอยากจงรักภักดีต่อสเปน
เจ้าชายวิลเลียมแห่งออเร็นจ์
4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1576 เกิดเหตุการณ์ Sacked Antwerp เกิดจากทหารรับจ้างของสเปนปล้นสะดมภายในเมือง Zierikzee และ Aalst ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 คน ภายใน 3 วัน ซึ่งทำให้ชาวสเปนตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและบั่นทอนพระราชอำนาจของพระเจ้าฟิลิป ระหว่างนั้นได้มีการทำข้อตกลง Pacification of Grent ในวันที่ 8 พฤศจิกายน โดยทหารสเปนต้องถอนกำลังทหารออกไป
6 มกราคม ค.ศ. 1579 ได้มีการทำข้อตกลง Union of Arras ระหว่างสเปนกับจังหวัดทางใต้บางส่วนว่าจะขึ้นตรงต่อสเปน ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมได้ตอบโต้ข้อตกลงนี้โดยทำข้อตกลง
ต่อมา การเจรจาของทั้งสองฝ่ายยังไม่เป็นผล มีการทำสงครามอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านของนโยบายทางศาสนาและเส้นทางการค้าของดินแดนตะวันออกไกลและอเมริกา สเปนส่งกองทัพไปดัตช์ ส่วนดัตช์ก็ส่งกองทัพเรือไปโจมตียึดเส้นทางการค้าของสเปน
ค.ศ. 1639 สเปนส่งกองทัพเรือ พร้อมทหารกว่า 20,000 นายไปโจมตีดัตช์แต่พ่ายแพ้ย่อยยับในการรบที่ดาวน์ส นับเป็นการสูญเสียสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางทะเลของสเปน ณ ขณะนั้น
30 มกราคม ค.ศ. 1648 สงครามได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการจากการลงนามสนธิสัญญามุนส์เตอร์ระหว่างสเปนกับดัตช์ โดยดัตช์ได้รับการรับรองเป็นประเทศเอกราชอย่างเป็นทางการในที่สุด
สเปนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เกิดสนธิสัญญามุนส์เตอร์และสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลียซึ่งรับรองเอกราชของดัตช์ ประกอบด้วย 7 มณฑลเนเธอร์แลนด์ของฮับส์บูร์ก ดังนี้ ฮอลแลนด์ โกรนิงเงิน ยูเทรกต์ เกลเดอร์แลนด์ โอเวอร์ไรส์เซิล ฟรีสแลนด์ และซีแลนด์ สเปนมีความเสียหายทั้งด้านกองทัพและทรัพย์สินอย่างหนัก
สงครามในครั้งนี้ถือเป็นสงครามที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายทำให้เกิดความขัดแย้งและไม่มีฝ่ายใดยอมฝ่ายใด ทำให้เกิดสงครามที่ยาวนานและสร้างความเสียหายกับทั้งสองฝ่ายอย่างใหญ่หลวงและสร้างบาดแผลที่ยากจะลืมเลือน
อ้างอิง :
ทสมล ชนาดิศัย. (2558). อัจฉริยะ 100 หน้า : สงคราม. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์อมรินทร์.
ชล บุนนาค. (2557). รากทางประวัติศาสตร์ของการเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสังคมดัตช์. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559, จาก https://cholbunnag.wordpress.com/category/dutch/
80 years war. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2559, จาก http://www.hoboctn.com/post/10841646845/80-years-war
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น