โดย พิไลพรรณ ผาลีพัฒน์
ถ้าพูดถึงวงดนตรีระดับตำนานและเป็นที่รู้จักทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นวงป็อปร็อคสัญชาติอังกฤษนามว่า ‘The Beatles’ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วงสี่เต่าทอง The Beatles เป็นวงร็อคที่ประสบความสำเร็จและสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกในยุคหกศูนย์ และยังความเป็นที่กล่าวขวัญกันอยู่จนถึงปัจจุบัน เบื้องหน้าความสำเร็จครั้งนี้คือพอล แม็กคาร์นี้ จอห์น เลนนอน จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก้ สตาร์ หากเราอาจะพูดได้ว่าเดอะบีทเทิ่ลส์คงจะไม่เป็นเดอะบีทเทิลส์อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หากไม่มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอย่าง เซอร์ จอร์จ มาร์ติน คนที่ได้รับการกล่าวขวัญให้เป็น The Fifth Beatle หรือ เต่าทองตัวที่ห้า
เซอร์ จอร์จ เฮนรี่ มาร์ติน (Sir George Henry Martin) เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเดอะบีทเทิลส์มาตั้งแต่ปี 1962 เรียกได้ว่าอยู่กับเดอะบีเทิลส์มาตั้งแต่เริ่มยุคแรก จอร์จ มาร์ติน เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 1926 ในประเทศอังกฤษ
ในตอนเป็นเด็ก มาร์ตินมีความสนใจในด้านดนตรีเป็นอย่างมาก เขาได้เรียนเปียโนตามการโน้มน้าวของผู้เป็นพ่อแม่เมื่อมีอายุได้แปดปี แต่หลังจากเรียนไปได้เพียงแปดบทเรียน การเรียนก็เป็นอันต้องยุติไปเนื่องจากเกิดมีความเห็นไม่ลงรอยกันของผู้เป็นแม่และอาจารย์ผู้สอน
เมื่อโตขึ้น แม้มาร์ตินจะสนใจในงานด้านดนตรีอยู่เสมอมารวมทั้งยังวาดหวังว่าตนเองจะได้เป็นรัคมานีนอฟ นักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้เลือกทำงานด้านดนตรี หากเขากลับเลือกที่จะทำงานเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นจึงทำงานให้กับสำนักงานสงครามในฐานะลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งงานที่เขาต้องทำคือเติมข้อมูลในเอกสารและชงชา
ในปี 1943 เมื่อตอนที่มาร์ตินอายุสิบเจ็ดปี เขาได้เข้าร่วมในหน่วยงานของกองทัพ แต่สงครามได้ยุติก่อนที่มาร์ตินจะได้เข้าร่วมในการรบและเขาได้ออกจากกองทัพในอีกสี่ปีต่อมา หลังจากนั้นมาร์ตินได้รับการแนะนำจาก Sidney Harrison ให้เข้าศึกษาที่โรงเรียนด้านดนตรีและการแสดง Guildhall ซึ่งมาร์ตินก็ได้เข้าศึกษาที่นั้นตั้งแต่ปี 1947 - 1950 และได้เรียนเปียโนและโอโบและทำให้เขาสนใจในงานของรัคมานีนอฟ และราเวล รวมทั้งโคล พอร์เตอร์
ในวันที่ 3 เดือนมกราคม ปี 1948 ระหว่างที่ยังเรียนอยู่นั้น มาร์ตินได้แต่งงานกับชีน่า คิสโฮลม์ ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคนชื่ออเล็กซิส และเกรกรอรี่ พอล มาร์ติน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้เลิกรากันไป หลังจากนั้นมาร์ตินได้แต่งงานอีกครั้งกับจูดี้ ล็อคฮาร์ต-สมิธเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปี 1966 และได้มีลูกด้วยกันสองคนชื่อว่า ลูเชียและไกลส์ มาร์ติน
หลังจากจบการศึกษาแล้ว มาร์ตินก็ได้ไปทำงานกับสถานีบีบีซี โดยได้ทำในภาคส่วนดนตรีคลาสสิค หลังจากนั้นจึงได้เข้าทำงานกับบริษัทบันเทิงแถวหน้าอย่าง EMI ในปี 1950 ในฐานะผู้ช่วยของ Oscar Preuss ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าค่ายเพลง Parlophone Records ค่ายเพลงของEMI อยู่ในขณะนั้น หลังจากที่ออสก้าเกษียร มาร์ตินก็ได้ทำหน้าที่โปรดิวซ์เซอร์ให้กับศิลปินมากมายเช่น Bernard Cribbins และ Charlie Drake
ในตอนนั้นวงสี่เต่าทองมีผู้จัดการวงคือ Brian Epstein และทางวงเคยถูกค่ายอย่าง Decca Records ปฎิเสธที่จะเซ็นสัญญาทำอัลบั้มกับวงมาแล้ว แม้ว่าจอร์จประสบความสำเร็จในการทำเพลงมาบ้าง แต่เขาก็ถือว่ามีประสบการณ์ในด้านเพลงป็อปเพียงน้อยนิด ผลการเพลงป็อปที่จอร์จเคยทำให้ประสบความสำเร็จมาแล้วคือเพลง 'Who Could Be Bluer' ของ Jerry Lordan รวมถึงซิงเกิ้ลที่ทำร่วมกับ Shan Fenton และ Matt Monro กระนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะนัดเจอกับเดอะบิทเทิ่ลส์หลังจากได้รับการติดต่อจาก Sid Coleman แห่งค่าย Ardmore & Beechwood ที่เล่าให้เขาฟังถึง Brian Epstein
มาร์ตินได้นัดเจอกับเดอะบีทเทิลส์พร้อมกับผู้จัดการวงในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1962 แล้วมาร์ตินจึงฟังเดโม่ที่เดอะบีทเทิลอัดที่ค่าย Decca ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าวงนี้ไม่มีแววที่จะประสบความสำเร็จเลย แต่เขาชอบเสียงของจอห์น เลนนอน กับพอล แมคคาร์ทนีย์ แต่ก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นจนกระทั้งการนัดพบครั้งถัดไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกันที่สตูดิโอแอบบี้โรด มาร์ตินประทับใจในความกระตือรือร้นของเอปสตีน ผู้จัดการวง จึงตกลงปลงใจเซ็นสัญญาเพื่ออัดเพลงกับเดอะบีทเทิลส์ที่ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเลย
เดอะบีทเทิลส์ทำการออดิชั่นกับมาร์ตินในวันที่ 6 มิถุนายน ปี 1962 ในสตูดิโอแอ็บบี้โร้ด โดยมีรอน ริดชาร์ดและนอร์แมน สมิธเป็นผู้ควบคุมการอัดเสียง ซึ่งได้ทำการอัดเสียงไปทั้งหมดสี่เพลง ในระหว่างที่ทำการอัดเสียงนั้นมาร์ตินไม่ได้อยู่ด้วย แต่เมื่อมาร์ตินได้มาฟังเพลงที่อัดทีหลังเขาก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าใดนัก เขาจึงได้ถามสมาชิกวงแต่ละคนว่ามีอะไรที่ไม่ชอเป็นการส่วนตัวหรือไม่ จอร์จ แฮร์ริสันมือกีต้าร์ของวงจึงตอบไปว่า 'ผมไม่ชอบเนคไทของคุณ' และพอลกับจอห์นก็เข้ามาร่วมวงส้รางเสียงหัวเราะจากการเล่นตลกครั้งนี้ของจอร์จ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มาร์ตินตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับเดอะบีทเทิลส์เพราะประทับใจในไหวพริบของวงล้วนๆ
การอัดเพลงครั้งที่สองของเดอะบีทเทิลส์เริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 เดือนกันยายน ปี 1962 ซึ่งพวกเขาได้ทำการอัดเพลง 'How DO You Do It' โดยที่มาร์ตินให้ความเห็นว่าเพลงนี้จะต้องกลายเป็นเพลงที่ดังอย่างฉุดไม่อยู่แน่นอน หากเลนนอนและแมคคาร์ทนีย์กลับไม่ค่อยพึงพอใจในผลงานของตัวเองซักเท่าไหร่ จึงไม่ปล่อยเพลงนี้ออกมา แต่ก็ต้องเสียใจภายหลังเมื่อเพลงเดียวกันนี้ที่มาร์ตินนำมาโปร์ดิวซ์ให้กับวง Gerry & the Pacemakers ดังระเบิดระเบ้อ โดยที่เพลงติดซาร์ตอยู่อันดับหนึ่งเป็นเวลาสามสัปดาห์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1962 มาร์ตินได้อัดเพลงสุดฮิตของเดอะบีทเทิลส์อย่างเพลง 'Please Please Me' โดยหลังจากที่ทำการอัดเสียงเสร็จ มาร์ตินได้พูดว่า 'สุภาพบุรุษเอ๋ย พวกคุณเพิ่งได้ออกเพลงฮิตติดอันดับเพลงแรกของพวกคุณแล้วล่ะ' ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ถูกต้องอย่างที่สุดเพราะหลังจากปล่อยเพลงนี้ออกมาก็ได้รับความนิยมอย่างล้มหล้ามจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้มาร์ตินยังได้เป็นผู้ทำดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์ของเดอะบีทเทิลส์อย่าง Yellow Submarine และภาพยนตร์ในตำนานในซีรี่ย์เจมส์ บอนด์ ในภาคที่ใช้ชื่อว่า Live and Let Die ซึ่งก็ได้พอล แมคคาร์ทนีย์นี่เองมาเป็นผู้เขียนและร้องเพลงเปิดให้
ในส่วนของรางวัลการันตีฝีมือของท่านเซอร์จอร์จ มาร์ตินนั้นก็ถือว่ามีมากจนนับไม่ถ้วน เพราะมาร์ตินได้รางวัลแกรมมี่ไปทั้งหมดหกครั้ง รางวัลออสก้าจากการทำเพลงประกอบภาพยนตร์เกี่ยวกับเดอะบีทเทิลส์เรื่อง ‘Hard Day’s Night’ อีกหนึ่งรางวัล และรางวัน Brit Award อีก 2 รางวัล
ท่านเซอร์จอร์จ มาร์ตินเสียชีวิตในคือนวันที่ 8 มีนาคม ปี 2016 นี่เอง โดยมีอายุได้ 90 ปี สาเหตุของการเสียชีวิตไม่เป็นที่เปิดเผย หากเราก็สามารถพูดได้ว่าท่านเซอร์มาร์ตินได้ใช้ชิวิตอย่างอย่างชื่นชมเพราะได้รังสรรค์ผลงานที่ประทับอยู่ในใจของใครหลายๆคน และทำให้เราเห็นว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จนั้นเราไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเราเองเพียงลำพัง หากแต่ต้องมีบุคคลที่สนับสนุนอยู่ข้างหลังเสมอ และท่านเซอร์มาร์ตินก็เป็นผู้สนับสนุนหลักที่ทำให้เกิดตำนานวงร็อคอย่างเดอะบีทเทิลส์
อ้างอิง
"จอร์จ มาร์ติน"โปรดิวเซอร์มือทอง"เดอะ บีทเทิ่ลส์" เสียชีวิตแล้วปิดตำนาน"เต่าทองคนที่5”. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559, จาก http://www.siamdara.com/hot-news/inter-news/1075732
สิ้น "จอร์จ มาร์ติน" โปรดิวเซอร์วงเดอะบีทเทิลส์ เจ้าของฉายา "เต่าทองคนที่ 5" ในวัย 90 ปี. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559, จาก http://news.thaipbs.or.th/content/250798
George Martin. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559, จาก https://en.wikipedia.org/wiki/George_Martin
ถ้าพูดถึงวงดนตรีระดับตำนานและเป็นที่รู้จักทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นวงป็อปร็อคสัญชาติอังกฤษนามว่า ‘The Beatles’ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วงสี่เต่าทอง The Beatles เป็นวงร็อคที่ประสบความสำเร็จและสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกในยุคหกศูนย์ และยังความเป็นที่กล่าวขวัญกันอยู่จนถึงปัจจุบัน เบื้องหน้าความสำเร็จครั้งนี้คือพอล แม็กคาร์นี้ จอห์น เลนนอน จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก้ สตาร์ หากเราอาจะพูดได้ว่าเดอะบีทเทิ่ลส์คงจะไม่เป็นเดอะบีทเทิลส์อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หากไม่มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอย่าง เซอร์ จอร์จ มาร์ติน คนที่ได้รับการกล่าวขวัญให้เป็น The Fifth Beatle หรือ เต่าทองตัวที่ห้า
รูปจาก http://www.sadaos.com/
เซอร์ จอร์จ เฮนรี่ มาร์ติน (Sir George Henry Martin) เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเดอะบีทเทิลส์มาตั้งแต่ปี 1962 เรียกได้ว่าอยู่กับเดอะบีเทิลส์มาตั้งแต่เริ่มยุคแรก จอร์จ มาร์ติน เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 1926 ในประเทศอังกฤษ
ในตอนเป็นเด็ก มาร์ตินมีความสนใจในด้านดนตรีเป็นอย่างมาก เขาได้เรียนเปียโนตามการโน้มน้าวของผู้เป็นพ่อแม่เมื่อมีอายุได้แปดปี แต่หลังจากเรียนไปได้เพียงแปดบทเรียน การเรียนก็เป็นอันต้องยุติไปเนื่องจากเกิดมีความเห็นไม่ลงรอยกันของผู้เป็นแม่และอาจารย์ผู้สอน
เมื่อโตขึ้น แม้มาร์ตินจะสนใจในงานด้านดนตรีอยู่เสมอมารวมทั้งยังวาดหวังว่าตนเองจะได้เป็นรัคมานีนอฟ นักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้เลือกทำงานด้านดนตรี หากเขากลับเลือกที่จะทำงานเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นจึงทำงานให้กับสำนักงานสงครามในฐานะลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งงานที่เขาต้องทำคือเติมข้อมูลในเอกสารและชงชา
ในปี 1943 เมื่อตอนที่มาร์ตินอายุสิบเจ็ดปี เขาได้เข้าร่วมในหน่วยงานของกองทัพ แต่สงครามได้ยุติก่อนที่มาร์ตินจะได้เข้าร่วมในการรบและเขาได้ออกจากกองทัพในอีกสี่ปีต่อมา หลังจากนั้นมาร์ตินได้รับการแนะนำจาก Sidney Harrison ให้เข้าศึกษาที่โรงเรียนด้านดนตรีและการแสดง Guildhall ซึ่งมาร์ตินก็ได้เข้าศึกษาที่นั้นตั้งแต่ปี 1947 - 1950 และได้เรียนเปียโนและโอโบและทำให้เขาสนใจในงานของรัคมานีนอฟ และราเวล รวมทั้งโคล พอร์เตอร์
ในวันที่ 3 เดือนมกราคม ปี 1948 ระหว่างที่ยังเรียนอยู่นั้น มาร์ตินได้แต่งงานกับชีน่า คิสโฮลม์ ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคนชื่ออเล็กซิส และเกรกรอรี่ พอล มาร์ติน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้เลิกรากันไป หลังจากนั้นมาร์ตินได้แต่งงานอีกครั้งกับจูดี้ ล็อคฮาร์ต-สมิธเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปี 1966 และได้มีลูกด้วยกันสองคนชื่อว่า ลูเชียและไกลส์ มาร์ติน
หลังจากจบการศึกษาแล้ว มาร์ตินก็ได้ไปทำงานกับสถานีบีบีซี โดยได้ทำในภาคส่วนดนตรีคลาสสิค หลังจากนั้นจึงได้เข้าทำงานกับบริษัทบันเทิงแถวหน้าอย่าง EMI ในปี 1950 ในฐานะผู้ช่วยของ Oscar Preuss ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าค่ายเพลง Parlophone Records ค่ายเพลงของEMI อยู่ในขณะนั้น หลังจากที่ออสก้าเกษียร มาร์ตินก็ได้ทำหน้าที่โปรดิวซ์เซอร์ให้กับศิลปินมากมายเช่น Bernard Cribbins และ Charlie Drake
ในตอนนั้นวงสี่เต่าทองมีผู้จัดการวงคือ Brian Epstein และทางวงเคยถูกค่ายอย่าง Decca Records ปฎิเสธที่จะเซ็นสัญญาทำอัลบั้มกับวงมาแล้ว แม้ว่าจอร์จประสบความสำเร็จในการทำเพลงมาบ้าง แต่เขาก็ถือว่ามีประสบการณ์ในด้านเพลงป็อปเพียงน้อยนิด ผลการเพลงป็อปที่จอร์จเคยทำให้ประสบความสำเร็จมาแล้วคือเพลง 'Who Could Be Bluer' ของ Jerry Lordan รวมถึงซิงเกิ้ลที่ทำร่วมกับ Shan Fenton และ Matt Monro กระนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะนัดเจอกับเดอะบิทเทิ่ลส์หลังจากได้รับการติดต่อจาก Sid Coleman แห่งค่าย Ardmore & Beechwood ที่เล่าให้เขาฟังถึง Brian Epstein
มาร์ตินได้นัดเจอกับเดอะบีทเทิลส์พร้อมกับผู้จัดการวงในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1962 แล้วมาร์ตินจึงฟังเดโม่ที่เดอะบีทเทิลอัดที่ค่าย Decca ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าวงนี้ไม่มีแววที่จะประสบความสำเร็จเลย แต่เขาชอบเสียงของจอห์น เลนนอน กับพอล แมคคาร์ทนีย์ แต่ก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นจนกระทั้งการนัดพบครั้งถัดไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ปีเดียวกันที่สตูดิโอแอบบี้โรด มาร์ตินประทับใจในความกระตือรือร้นของเอปสตีน ผู้จัดการวง จึงตกลงปลงใจเซ็นสัญญาเพื่ออัดเพลงกับเดอะบีทเทิลส์ที่ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเลย
เดอะบีทเทิลส์ทำการออดิชั่นกับมาร์ตินในวันที่ 6 มิถุนายน ปี 1962 ในสตูดิโอแอ็บบี้โร้ด โดยมีรอน ริดชาร์ดและนอร์แมน สมิธเป็นผู้ควบคุมการอัดเสียง ซึ่งได้ทำการอัดเสียงไปทั้งหมดสี่เพลง ในระหว่างที่ทำการอัดเสียงนั้นมาร์ตินไม่ได้อยู่ด้วย แต่เมื่อมาร์ตินได้มาฟังเพลงที่อัดทีหลังเขาก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าใดนัก เขาจึงได้ถามสมาชิกวงแต่ละคนว่ามีอะไรที่ไม่ชอเป็นการส่วนตัวหรือไม่ จอร์จ แฮร์ริสันมือกีต้าร์ของวงจึงตอบไปว่า 'ผมไม่ชอบเนคไทของคุณ' และพอลกับจอห์นก็เข้ามาร่วมวงส้รางเสียงหัวเราะจากการเล่นตลกครั้งนี้ของจอร์จ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มาร์ตินตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับเดอะบีทเทิลส์เพราะประทับใจในไหวพริบของวงล้วนๆ
การอัดเพลงครั้งที่สองของเดอะบีทเทิลส์เริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 เดือนกันยายน ปี 1962 ซึ่งพวกเขาได้ทำการอัดเพลง 'How DO You Do It' โดยที่มาร์ตินให้ความเห็นว่าเพลงนี้จะต้องกลายเป็นเพลงที่ดังอย่างฉุดไม่อยู่แน่นอน หากเลนนอนและแมคคาร์ทนีย์กลับไม่ค่อยพึงพอใจในผลงานของตัวเองซักเท่าไหร่ จึงไม่ปล่อยเพลงนี้ออกมา แต่ก็ต้องเสียใจภายหลังเมื่อเพลงเดียวกันนี้ที่มาร์ตินนำมาโปร์ดิวซ์ให้กับวง Gerry & the Pacemakers ดังระเบิดระเบ้อ โดยที่เพลงติดซาร์ตอยู่อันดับหนึ่งเป็นเวลาสามสัปดาห์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1962 มาร์ตินได้อัดเพลงสุดฮิตของเดอะบีทเทิลส์อย่างเพลง 'Please Please Me' โดยหลังจากที่ทำการอัดเสียงเสร็จ มาร์ตินได้พูดว่า 'สุภาพบุรุษเอ๋ย พวกคุณเพิ่งได้ออกเพลงฮิตติดอันดับเพลงแรกของพวกคุณแล้วล่ะ' ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ถูกต้องอย่างที่สุดเพราะหลังจากปล่อยเพลงนี้ออกมาก็ได้รับความนิยมอย่างล้มหล้ามจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้มาร์ตินยังได้เป็นผู้ทำดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์ของเดอะบีทเทิลส์อย่าง Yellow Submarine และภาพยนตร์ในตำนานในซีรี่ย์เจมส์ บอนด์ ในภาคที่ใช้ชื่อว่า Live and Let Die ซึ่งก็ได้พอล แมคคาร์ทนีย์นี่เองมาเป็นผู้เขียนและร้องเพลงเปิดให้
ในส่วนของรางวัลการันตีฝีมือของท่านเซอร์จอร์จ มาร์ตินนั้นก็ถือว่ามีมากจนนับไม่ถ้วน เพราะมาร์ตินได้รางวัลแกรมมี่ไปทั้งหมดหกครั้ง รางวัลออสก้าจากการทำเพลงประกอบภาพยนตร์เกี่ยวกับเดอะบีทเทิลส์เรื่อง ‘Hard Day’s Night’ อีกหนึ่งรางวัล และรางวัน Brit Award อีก 2 รางวัล
ท่านเซอร์จอร์จ มาร์ตินเสียชีวิตในคือนวันที่ 8 มีนาคม ปี 2016 นี่เอง โดยมีอายุได้ 90 ปี สาเหตุของการเสียชีวิตไม่เป็นที่เปิดเผย หากเราก็สามารถพูดได้ว่าท่านเซอร์มาร์ตินได้ใช้ชิวิตอย่างอย่างชื่นชมเพราะได้รังสรรค์ผลงานที่ประทับอยู่ในใจของใครหลายๆคน และทำให้เราเห็นว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จนั้นเราไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเราเองเพียงลำพัง หากแต่ต้องมีบุคคลที่สนับสนุนอยู่ข้างหลังเสมอ และท่านเซอร์มาร์ตินก็เป็นผู้สนับสนุนหลักที่ทำให้เกิดตำนานวงร็อคอย่างเดอะบีทเทิลส์
อ้างอิง
"จอร์จ มาร์ติน"โปรดิวเซอร์มือทอง"เดอะ บีทเทิ่ลส์" เสียชีวิตแล้วปิดตำนาน"เต่าทองคนที่5”. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559, จาก http://www.siamdara.com/hot-news/inter-news/1075732
สิ้น "จอร์จ มาร์ติน" โปรดิวเซอร์วงเดอะบีทเทิลส์ เจ้าของฉายา "เต่าทองคนที่ 5" ในวัย 90 ปี. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559, จาก http://news.thaipbs.or.th/content/250798
George Martin. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559, จาก https://en.wikipedia.org/wiki/George_Martin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น