โดย ศรัณย์ เจริญเมือง
ในยุคล่าอาณานิคมนั้น มีนักสำรวจจากยุโรปมากมาย ที่ได้เดินทางเสี่ยงโชคไปที่ทวีปอเมริกา หรือที่เรียกว่าโลกใหม่ ด้วยเหตุผลนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาอาณานิคมแห่งใหม่ ค้าขายแลกเปลี่ยน เผยแผ่ศาสนา ล่าอาณานิคม หรือแม้กระทั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อล้มล้างอาณาจักรของผู้อยู่อาศัยเดิมในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ฟรานซิสโก ปีซาร์โร”
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร เกิดในปี ค.ศ. 1478 ที่เมือง Trujillo ประเทศสเปน เขาเป็นลูกนอกสมรสของนายทหารสเปน ชีวิตในวัยเด็กของเขาที่ค่อนข้างแร้นแค้น ถูกเลี้ยงดูโดยตายาย และไม่ได้รับการศึกษา เขาทำงานเป็นคนเลี้ยงหมูอยู่ 15 ปี เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เขาได้ยินนิทานเกี่ยวกับโลกใหม่ และเกิดแรงปรารถนาในทรัพย์สมบัติ และการผจญภัย จนถึงปี 1502 จึงได้เดินทางไปอยู่กับญาติข้างบิดา ที่หมู่เกาะเวสต์อินดีสซึ่งก็คือประเทศเฮติในปัจจุบัน
ในปี 1513 ปีซาร์โรเดินทางไปกับ วาสโก บัลบัว จนถึงปานามาและได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่จนได้เป็นนายกเทศมนตรีของปานามาซิตี้ ในปี 1523 ในช่วงนี้เขาเดินทางสำรวจชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก 2 ครั้ง จนถึงโคลอมเบีย เพื่อติดตามเรื่องราวที่เล่าลือถึงความมั่งคั่งของอาณาจักรเร้นลับที่ชื่อ "อินคา"
ปีซาร์โรเดินทางกลับไปสเปนเพื่อเฝ้ากษัตริย์ คาลอสที่ 5 แห่งสเปนพร้อมด้วยทองคำเป็นเครื่องล่อใจ เพื่อขอพระราชทานการสนับสนุนในการล่าอาณานิคมที่เขาตั้งชื่อว่า เปรู
ปีซาร์โรกลับไปยังชายฝั่งแปซิฟิกอีกครั้ง และเผชิญหน้ากับกองทัพของอาณาจักรอินคาเป็นครั้งแรก ซึ่งผลของการรบจบลงด้วยความพ่ายแพ้แบบเอาตัวแทบไม่รอดของฝ่ายสเปน แต่ปีซาร์โรก็ไม่ยอมแพ้ เขากลับไปรวบรวมคนจากปานามาโดยมีทองเป็นเครื่องล่อใจ
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทางอินคาเกิดสงครามชิงอำนาจ ระหว่างฮัวสการ์ (Huascar) ซึ่งเป็นรัชทายาท กับอทาฮวลปา (Atahualpa) ผู้ครอบครองดินแดนตอนเหนือ และจบลงด้วยชัยชนะของ
อทาฮวลปา สงครามดังกล่าวกินเวลานานถึง 3 ปี และมีผู้เสียชิวิตเกือบ 1 แสนคน ซึ่งได้นำความแตกแยกและอ่อนแอมาสู่อาณาจักรแห่งนี้
หลังจากกลับไปเตรียมการที่ปานามา ปีซาร์โรกลับมาอีกครั้งพร้อมกับทหารราบ 180 คน ทหารม้า 30 นาย และปืนใหญ่ 1 กระบอก ได้เผชิญหน้ากับอทาฮวลปา ซึ่งมีทหารห้อมล้อมเกือบ 40,000 คน ปีซาร์โรเข้าแสดงตัวในฐานะราชทูตผู้มีอำนาจเต็มของกษัตริย์สเปน และชักชวนให้อทาฮวลปาเลื่อมใสในคริสต์ศาสนา แต่ด้วยความไม่เข้าใจกัน ทำให้อทาฮวลปาโยนคัมภีร์ไบเบิ้ลทิ้ง กองทัพสเปนจึงถือเป็นสาเหตุประกาศสงครามและเปิดฉากการโจมตีด้วยการระดมยิงปืนคาบศิลาและปืนใหญ่ใส่ทหารของอทาฮวลปาในทันที
แม้ว่าปีซาร์โรจะมีกำลังพลที่น้อยกว่า แต่ด้วยการเตรียมการรบมาอย่างดี และมีอาวุธยุทโธปกรณ์
และแผนการรบที่แยบยนกว่าทางฝั่งของอทาฮวลปาอยู่มาก ทำให้ปีซาร์โรและทหารสเปนเพียง 200 นาย เอาชนะกองทัพของอทาฮวลปาที่มีจำนวนมากกว่าไปอย่างง่ายดาย
ปีซาร์โรได้จับอทาฮวลปาเป็นเชลย และเรียกร้องทองคำปริมาณเต็มห้องขังเป็นค่าไถ่ แต่เมื่อได้รับทองจำนวนมหาศาลแล้ว แทนที่จะปล่อยกษัตริย์อินคาให้เป็นอิสระ เขากลับลงมือปลิดชีวิตอทาฮวลปาต่อหน้าต่อตาชาวอินคา และยังสั่งให้กองกำลังทหารสเปนออกโจมตีและปล้นสะดมชาวอินคา และสถาปนาน้องชายของอทาฮวลปาขึ้นมาเป็นหุ่นเชิด
ในปี 1535 ปีซาร์โรได้ตั้งกรุงลิมาขึ้นเป็นเมืองหลวงของเปรูแทนนครกุซโก(Cuzco) ของอินคา ซึ่งทำให้อาณาจักรอินคาล่มสลาย และได้กลายเป็นอาณานิคมของสเปนโดยสมบูรณ์
หลังจากการตกเป็นอาณานิคมของสเปน ชนพื้นเมืองต้องตกเป็นทาส ต้องส่งทองคำทั้งหมดที่ขุดได้ให้สเปน ทำให้สเปนกลายเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุดจากการล่าอาณานิคมในอเมริกาใต้ จนเข้าสู่ศตวรรษที่ 18 ผลผลิตจากเหมืองแร่ลดลง รัฐบาลสเปนปรับเพิ่มภาษี แรงงานชาวพื้นเมืองที่ทำงานในเหมืองถูกใช้แรงงานอย่างหนัก ต่อมา โฆเซ่ กาบรีเอล กองดอร์กังกิ (Jose Gabriel Condorcanqui) ทายาทของตูปัก อามารู จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรอินคา ได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องเอกราชในปี ค.ศ.1780 แต่ก็ถูกทหารสเปนจับมาประหารชีวิตที่จตุรัสกุซโก แต่แนวทางของเขายังมีอิทธิพลต่อการต่อสู้เรียกร้องอิสระภาพของเปรู และในปี ค.ศ. 1821 ซิโมน โบลิวาร์ (Simon Bolivar) เข้ามายึดอำนาจได้สำเร็จ และขับไล่ทหารสเปนออกไป เปรูได้รับเอกราช และการปกครองแบบอาณานิคมของสเปนก็สิ้นสุดลงในที่สุด
ในปัจจุบัน เปรูเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ มีประชากรทั้งหมด 28 ล้านคนประกอบด้วยชนพื้นเมืองชาว เมสติโซ(Mestizo) เป็นลูกผสมระหว่างชนพื้นเมืองกับชาวยุโรป และชาวยุโรปผิวขาวเชื้อสายลาติน 45 % เป็นชนพื้นเมืองที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในอเมริกาใต้ มีชนเผ่าที่สำคัญได้แก่ เกชัว (Quechua) และไอย์มารา (Aymara) ภาษาที่ใช้ในราชการในปัจจุบันคือ ภาษาสเปน
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร อาจจะได้รับการยกย่องเชิดชูในฐานะผู้พิชิต(Conquistador)ในสายตา ของชาวสเปน ที่สามารถเอาชนะและยึดครองอาณาจักรที่มีประชากรเกือบ 6 ล้านคน ด้วยกำลังทหารเพียง 200 นาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกมองว่าเป็นจอมหลอกลวง คนทรยศจอมเจ้าเล่ห์ ที่เส้นทางความสำเร็จนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคาวเลือดและซากศพของมิตรสหาย และประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกมากมาย
อ้างอิง
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro). สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2559 จาก
http://www.psevikul.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538784932&Ntype=5
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร หายนะ แห่งอาณาจักรอินคา.สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2559 จาก
http://oknation.nationtv.tv/blog/agelbusiness/2013/04/05/entry-2
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 10 : ฟรานซิสโก ปิซาร์โร สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2559 จาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1184080
ในยุคล่าอาณานิคมนั้น มีนักสำรวจจากยุโรปมากมาย ที่ได้เดินทางเสี่ยงโชคไปที่ทวีปอเมริกา หรือที่เรียกว่าโลกใหม่ ด้วยเหตุผลนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาอาณานิคมแห่งใหม่ ค้าขายแลกเปลี่ยน เผยแผ่ศาสนา ล่าอาณานิคม หรือแม้กระทั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อล้มล้างอาณาจักรของผู้อยู่อาศัยเดิมในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ฟรานซิสโก ปีซาร์โร”
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร เกิดในปี ค.ศ. 1478 ที่เมือง Trujillo ประเทศสเปน เขาเป็นลูกนอกสมรสของนายทหารสเปน ชีวิตในวัยเด็กของเขาที่ค่อนข้างแร้นแค้น ถูกเลี้ยงดูโดยตายาย และไม่ได้รับการศึกษา เขาทำงานเป็นคนเลี้ยงหมูอยู่ 15 ปี เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เขาได้ยินนิทานเกี่ยวกับโลกใหม่ และเกิดแรงปรารถนาในทรัพย์สมบัติ และการผจญภัย จนถึงปี 1502 จึงได้เดินทางไปอยู่กับญาติข้างบิดา ที่หมู่เกาะเวสต์อินดีสซึ่งก็คือประเทศเฮติในปัจจุบัน
ในปี 1513 ปีซาร์โรเดินทางไปกับ วาสโก บัลบัว จนถึงปานามาและได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่จนได้เป็นนายกเทศมนตรีของปานามาซิตี้ ในปี 1523 ในช่วงนี้เขาเดินทางสำรวจชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก 2 ครั้ง จนถึงโคลอมเบีย เพื่อติดตามเรื่องราวที่เล่าลือถึงความมั่งคั่งของอาณาจักรเร้นลับที่ชื่อ "อินคา"
ปีซาร์โรเดินทางกลับไปสเปนเพื่อเฝ้ากษัตริย์ คาลอสที่ 5 แห่งสเปนพร้อมด้วยทองคำเป็นเครื่องล่อใจ เพื่อขอพระราชทานการสนับสนุนในการล่าอาณานิคมที่เขาตั้งชื่อว่า เปรู
ปีซาร์โรกลับไปยังชายฝั่งแปซิฟิกอีกครั้ง และเผชิญหน้ากับกองทัพของอาณาจักรอินคาเป็นครั้งแรก ซึ่งผลของการรบจบลงด้วยความพ่ายแพ้แบบเอาตัวแทบไม่รอดของฝ่ายสเปน แต่ปีซาร์โรก็ไม่ยอมแพ้ เขากลับไปรวบรวมคนจากปานามาโดยมีทองเป็นเครื่องล่อใจ
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทางอินคาเกิดสงครามชิงอำนาจ ระหว่างฮัวสการ์ (Huascar) ซึ่งเป็นรัชทายาท กับอทาฮวลปา (Atahualpa) ผู้ครอบครองดินแดนตอนเหนือ และจบลงด้วยชัยชนะของ
อทาฮวลปา สงครามดังกล่าวกินเวลานานถึง 3 ปี และมีผู้เสียชิวิตเกือบ 1 แสนคน ซึ่งได้นำความแตกแยกและอ่อนแอมาสู่อาณาจักรแห่งนี้
ที่มา: http://oknation.nationtv.tv/
แม้ว่าปีซาร์โรจะมีกำลังพลที่น้อยกว่า แต่ด้วยการเตรียมการรบมาอย่างดี และมีอาวุธยุทโธปกรณ์
และแผนการรบที่แยบยนกว่าทางฝั่งของอทาฮวลปาอยู่มาก ทำให้ปีซาร์โรและทหารสเปนเพียง 200 นาย เอาชนะกองทัพของอทาฮวลปาที่มีจำนวนมากกว่าไปอย่างง่ายดาย
ปีซาร์โรได้จับอทาฮวลปาเป็นเชลย และเรียกร้องทองคำปริมาณเต็มห้องขังเป็นค่าไถ่ แต่เมื่อได้รับทองจำนวนมหาศาลแล้ว แทนที่จะปล่อยกษัตริย์อินคาให้เป็นอิสระ เขากลับลงมือปลิดชีวิตอทาฮวลปาต่อหน้าต่อตาชาวอินคา และยังสั่งให้กองกำลังทหารสเปนออกโจมตีและปล้นสะดมชาวอินคา และสถาปนาน้องชายของอทาฮวลปาขึ้นมาเป็นหุ่นเชิด
ที่มา: http://oknation.nationtv.tv/
ในปี 1535 ปีซาร์โรได้ตั้งกรุงลิมาขึ้นเป็นเมืองหลวงของเปรูแทนนครกุซโก(Cuzco) ของอินคา ซึ่งทำให้อาณาจักรอินคาล่มสลาย และได้กลายเป็นอาณานิคมของสเปนโดยสมบูรณ์
หลังจากการตกเป็นอาณานิคมของสเปน ชนพื้นเมืองต้องตกเป็นทาส ต้องส่งทองคำทั้งหมดที่ขุดได้ให้สเปน ทำให้สเปนกลายเป็นชาติที่ร่ำรวยที่สุดจากการล่าอาณานิคมในอเมริกาใต้ จนเข้าสู่ศตวรรษที่ 18 ผลผลิตจากเหมืองแร่ลดลง รัฐบาลสเปนปรับเพิ่มภาษี แรงงานชาวพื้นเมืองที่ทำงานในเหมืองถูกใช้แรงงานอย่างหนัก ต่อมา โฆเซ่ กาบรีเอล กองดอร์กังกิ (Jose Gabriel Condorcanqui) ทายาทของตูปัก อามารู จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรอินคา ได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องเอกราชในปี ค.ศ.1780 แต่ก็ถูกทหารสเปนจับมาประหารชีวิตที่จตุรัสกุซโก แต่แนวทางของเขายังมีอิทธิพลต่อการต่อสู้เรียกร้องอิสระภาพของเปรู และในปี ค.ศ. 1821 ซิโมน โบลิวาร์ (Simon Bolivar) เข้ามายึดอำนาจได้สำเร็จ และขับไล่ทหารสเปนออกไป เปรูได้รับเอกราช และการปกครองแบบอาณานิคมของสเปนก็สิ้นสุดลงในที่สุด
ในปัจจุบัน เปรูเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ มีประชากรทั้งหมด 28 ล้านคนประกอบด้วยชนพื้นเมืองชาว เมสติโซ(Mestizo) เป็นลูกผสมระหว่างชนพื้นเมืองกับชาวยุโรป และชาวยุโรปผิวขาวเชื้อสายลาติน 45 % เป็นชนพื้นเมืองที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในอเมริกาใต้ มีชนเผ่าที่สำคัญได้แก่ เกชัว (Quechua) และไอย์มารา (Aymara) ภาษาที่ใช้ในราชการในปัจจุบันคือ ภาษาสเปน
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร อาจจะได้รับการยกย่องเชิดชูในฐานะผู้พิชิต(Conquistador)ในสายตา ของชาวสเปน ที่สามารถเอาชนะและยึดครองอาณาจักรที่มีประชากรเกือบ 6 ล้านคน ด้วยกำลังทหารเพียง 200 นาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ถูกมองว่าเป็นจอมหลอกลวง คนทรยศจอมเจ้าเล่ห์ ที่เส้นทางความสำเร็จนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคาวเลือดและซากศพของมิตรสหาย และประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกมากมาย
อ้างอิง
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro). สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2559 จาก
http://www.psevikul.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538784932&Ntype=5
ฟรานซิสโก ปีซาร์โร หายนะ แห่งอาณาจักรอินคา.สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2559 จาก
http://oknation.nationtv.tv/blog/agelbusiness/2013/04/05/entry-2
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 10 : ฟรานซิสโก ปิซาร์โร สืบค้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2559 จาก
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1184080
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น