ปีคริสต์ศักราช 2012 ผู้คนทั่วโลกต่างแตกตื่นและพูดถึงการสิ้นสุดของปฎิทินชนเผ่ามายา จนเป็นประเด็นให้เกิดการค้นคว้า หาความจริง ของผู้คนทั่วโลก ตลอดจนนักวิชาการ เมื่อโลกจะถึงกาลอวสาน มวลมนุษย์จะพบเจอกับภัยพิบัติต่างๆทำลายทุกชีวิตบนพื้นโลกให้ดับสูญไปและโลกก็จะถึงวันสิ้นสุดลง จากความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกเรามาร่วมกันไขปริศนาปฎิทินชนเผ่ามายาเพื่อหาขอเท็จจริงว่าโลกจะถึงกาลอวสานจริงหรือและความจริงนั้นเป็นอย่างไร
อาณาจักร มายา ตั้งอยู่ในอเมริกากลาง ในบริเวณคาบสมุทรยูคาตันและมีพื้นที่บริเวณประเทศเม็กซิโกคาบเกี่ยวกับเบลีซและกัวเตมาลามีความรุ่งเรืองช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาล มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่นครวากาอาณาจักรมายามีความเจริญรุ่งเรืองประกอบด้วยชุมชนเกษตรกรรมอยู่ชั้นนอกชุมชนเมืองอยู่ชั้นในล้อมรอบจุดศูนย์กลางซึ่งเป็นบริเวณสิ่งก่อสร้างใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย นรกสวรรค์มีจริงตามความเชื่อของพวกเขา และมีการบูชายัญเพื่อเคารพต่อเทพเจ้า
ชาวมายามีความสามารถทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ จนสามารถคำนวณจำนวณวันของโลกในเเต่ละปี ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงของชนเผ่ามายานั้นคือ “ ปฏิทินชนเผ่ามายา ”
ปฎิทินชนเผ่ามายา
ปฏิทินชาวมายามีอยู่ 3 แบบหลักโดยปฏิทินมีลักษณะเป็นวงรอบภายในวงรอบซ้อนกันหลายชั้น ได้แก่ ปฏิทินทางศาสนา ปฏิทินสามัญชนและ และปฏิทินแบบลองเคาต์
2. ปฏิทินสำหรับสามัญชน (Haab) ประกอบไปด้วยเลขวัน 20 เลข และชื่อเดือน 18 ชื่อ แต่เนื่องจาก 1 ปีมี 365 วัน มายา จึงเพิ่มเดือนพิเศษอีกหนึ่งเดือนที่มีเพียงแค่ 5 วัน (Uayeb วันพิเศษ) โดยถือเป็นช่วงวันสิ้นปี วิธีการนับวันจะนับเลขเรียงกันไปเรื่อยๆ พอถึงเลข 18 ก็ขึ้นเดือนใหม่
3. ปฎิทินแบบลองเคาต์ (Long Count Calendar) เป็นปฏิทินที่ใช้นับเวลาได้นานกว่าปฎิทินแบบโซลคิน (Tzolkin) และฮาบ (Haab) ใช้การนับช่วงเวลาในเลขฐาน 20 โดย 1วงจรปฏิทินจะกินเวลา 13 Baktun วันแรกคือ 0.0.0.0.1 ตรงกับวันที่ 11 สิงหาคม 3114 ก่อนศริสต์ศักราช ส่วน Baktunสุดท้าย คือ 13.0.0.0.0 ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012 (ซึ่งเป็นปฏิทินที่เชื่อว่าทำนายวันสิ้นโลก) โดยมีวิธีการนับดังนี้
คิน( Kin) = 1 วัน
1 อุยนัล( Uinal) = 20 คิน( Kin)
1 ทัน (Tun) = 18 อุยนัล (360 วัน )
1 คาทัน (Katun) = 20 ทัน (Tun)(7,200 วัน)
1 แบ็กทัน (Baktun) = 20 คาทัน (Katun) (144,000 วัน)
ชาวมายา มีความสามารถพิเศษสามารถคำนวณว่าวันของโลกเราภายในหนึ่งปีมี 365.2420 ทำให้เห็นถึงความแม่นยำแบบไม่น่าเชื่อ “ ศาสตร์ของชาวมายันนั้นระบุว่า ทุกๆ 5,125 ปี ดวงอาทิตย์จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่สัมพันธ์กับศูนย์กลางทางช้างเผือก ดวงอาทิตย์จะได้รับ “ประกายไฟ” (Spark of light) ซึ่งทำให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงและส่งผ่านความร้อนรุนแรงมากส่งผลต่อมายังโลก เกิดการสับเปลี่ยนขั้วโลก และทำให้เกิดหายนะทางธรรมชาติตามมา ซึ่งคล้ายกับข้อมูลของ องค์การนาซ่าแห่งสหรัฐอเมริกาชี้แจงว่า ทุกๆ 11 ปี ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะกลับหัวกลับหางจากเหนือเป็นใต้ เรียกว่า “ พายุสุริยะ ” เป็นเหตุให้เกิด” จุดดับบนดวงอาทิตย์ “ ทำให้ออกฤทธิ์เปล่งอนุภาคพลังงานสูง
ปรากฏการณ์ทางธรรมทชาติเหล่านี้ ชาวมายาเชื่อว่าจะเกิดขึ้นซ้ำๆและสม่ำเสมอไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือหยุดไปเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง และจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 5 เมื่อครบ 5,125 ปี ซึ่งก็คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งจะทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆเช่น สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ทำผู้คนอดอยากล้มตายและโลกสูญสลายลงในที่สุด
มุมมองนักวิจัยเกี่ยวกับปฎิทินมายา
จาการการสิ้นสุดปฏิทินของชนเผ่ามายา แบ็กทันที่13 ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม ปี 2012 ที่หลายๆคนเชื่อว่าคือวันสิ้นโลก ทำให้นักวิชาการหลายๆคนออกมาโต้แย้งว่า นี้ไม่ใช้การทำนายวันสิ้นโลกแต่เป็นการเริ่มนับรอบวงใหม่หรือขึ้นสู่ยุคใหม่ นั้นเอง ควรจะมีการเฉลิมฉลองต้อนรับยุคใหม่มากกว่าความหวาดกลัว ดั่งเช่น
มาร์เซลโล คานูโต (Marcello Canuto) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอเมริกากลาง (Middle America Research Institute) ของมหาวิทยาลัยทูเลน (Tulane University) ได้กล่าวว่า “อักษรเหล่านี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองโบราณมากกว่าจะเป็นเรื่องคำพยากรณ์ หลักฐานใหม่นี้ชี้ว่า วันของรอบที่ 13 บักตุน (13 bak’tun) นั้นเป็นเหตุการณ์ในรอบปฏิทินที่สำคัญ ซึ่งชาวมายาโบราณจะฉลองวันดังกล่าว ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สร้างคำพยากรณ์ถึงหายนะเมื่อถึงวันดังกล่าวแต่อย่างใด”
ไลฟ์ไซน์ อธิบายไว้ว่า “ปฏิทินรอบยาว (Long Count calendar) ของชาวมายานั้นแบ่งเป็นบักตุน (bak’tuns) หรือรอบ 144,000 วัน ที่เริ่มจากวันสร้างโลก (creation date) ของชาวมายา และวันเหมายัน (winter solstice) ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธ.ค. ของปี 2012 คือวันของรอบบักตุนที่ 13 ซึ่งชาวมายากำหนดให้เป็นการครบรอบการสร้างโลก”
คานูโต (ทีมขุดสำรวจ-ทีมนักโบราณคดียุคใหม่) กล่าวว่า “ สิ่งที่อักขระนี้บอกแก่เราคือช่วงเวลาแห่งวิกฤต ซึ่งชาวมายาโบราณใช้ปฏิทินของพวกเขาเพื่อสานความต่อเนื่องและความยั่งยืนมากกว่าจะเป็นการทำนายวันโลกาวินาศ”
ปฎิทินของชนเผ่ามายาสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้า นวัตกรรม และองค์ความรู้ของมนุษย์ในยุคโบราณ ที่สร้างสรรค์ให้เกิดเป็นภูมิปัญญา ภายใต้ความเชื่อ ความศรัทธา และการดำรงชีวิตที่พึ่งพากับธรรมชาติ ส่งผ่านความเข้มขลังในจิตวิญญาณแห่งความเคารพอย่างแรงกล้า กระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกเกิดความตื่นตัวเป็นอย่างมากในปีคริสต์ศักราช 2012 ตามความเชื่อคำทำนายสิ้นสุดปฏิทิน Baktun สุดท้ายของชนเผ่ามายา ซึ่งความจริงแล้วเป็นเพียงการนับเริ่มต้นการเริ่มหมุนรอบใหม่ของปฏิทินชาวมายา ที่ควรยินดีและเฉลิมฉลองการเข้าสู่ยุคใหม่ ไม่ใช่การทำนายการสิ้นสุดแต่อย่างใด เเต่สิ่งที่สำคัญให้ผู้คนทั่วโลกควรตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ การอนุรักษณ์และฟื้นฟูให้ธรรมชาติคงอยู่ตลอดไป เหนือสิ่งอื่นใดมนุษย์ทุกคนควรอยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้มีคุณค่าและเป็นคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน ตราบใดที่ยังมีชีวิต และลมหายใจ มากกว่าวันข้างหน้าหรืออนาคตที่ไม่มีทางรู้ได้ว่าจะเป็นอย่างไร
อ้างอิง
บัญชา ธนบุญสมบัติ.(2555).บทความไขปริศนาโลกแตก2012 .ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ .สืบค้นเมื่อ27 กันยายน 2561, จาก: https://www2.mtec.or.th/th/emagazine/countfavor_article.asp?a=load&fileid=438&Run_no=269
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.(2561).อารยธรรมมายา.สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2561, จาก:https://th.wikipedia.org/wiki/ อารยธรรมมายา
Mthainews.(2011).ไขปริศนา ปฏิทินชาวมายัน หนึ่งคำทำนาย ภัยพิบัติวันพิพากษาโลก 2012.สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2561, จาก: https://news.mthai.com/webmaster-talk/136653.html
Mthainews.(2012).ประวัติปฏิทินมายา ทำนายวันสิ้นโลก โลกแตกจริงหรือไม่.สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2561, จาก: https://teen.mthai.com/variety/52894.html
omega007.(2010). 2012 แกนโลกพลิก,คําทํานายมายัน,มนุษย์ต่างดาว.สืบค้นเมื่ออ27 กันยายน 2561 , จาก: http://www.vcharkarn.com/blog/114199
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น