โดย มุกมณี มุตต๊ะ
จักรวรรดิโรมันในยุคกลางนั้น ได้มีการถูกรุกรานจากอนารยชนหลายเผ่าที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนส่วนต่างๆของอาณาจักโรมันตะวันตก ซึ่งจักรพรรดิโรมันพยายามสร้างความเข้มแข็งให้จักรวรรดิโรมันที่กว้างขวางยิ่งใหญ่ให้คงอยู่ด้วยการแบ่งจักรวรรดิออกเป็น 2 ภาค คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออกแต่ก็ไม่สามารถทำให้จักรวรรดิโรมันมั่นคงอยู่ได้เนื่องจากถูกรุกรานอยู่บ่อยครั้ง จักรวรรดิโรมันตะวันตกได้ล่มสลายลงเนื่องจากแม่ทัพเผ่าเยอรมันได้ปลดจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกลง ส่วนจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ ยังดำรงสืบต่อมาอีกเกือบ 1000 ปี และล่มสลายลงในเวลาต่อมา
ต่อมาคริสต์ศาสนาได้กำเนิดขึ้นในช่วงต้นของสมัยจักรวรรดิโรมันหลังจากนั้นประมาณ 300 ปี คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาต้องห้ามของจักรวรรดิโรมันและถูกทางการปราบปรามอย่างรุนแรง จนกระทั่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงนับถือคริสต์ศาสนา และใน ค.ศ. 394 จักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่ 1 ได้ประกาศให้คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมัน ทำให้คริสต์ศาสนาขยายตัวมีผู้นับถือมากขึ้นในยุคกลางประชากรเกือบทั้งหมดในยุโรปตะวันออกนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ศรัทธาจากใจจริงทุกคน แต่ช่วงยุคกลางเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เชื่อถือและเคร่งในศาสนาประชากรในยุคกลาง มักจะอุทิศความสะดวกสบายและเงินทองเพื่อบำรุงศาสนา ชนชั้นขุนนางที่ค่อนข้างฐานะดีก็มักจะถวายที่ดิน เงินทองเพื่อนสร้างโบสถ์ในผืนดินของตนเอง และยังนิยมสร้างหลุมฝังศพที่สวยงามอีกด้วย แม้กระทั่งชนชั้นไพร่ที่ยากจนยังจำเป็นต้องบริจาคพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้หนึ่งในสิบส่วน เพื่อช่วยค้ำจุนโบสถ์ในหมู่บ้านของตน ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะทำให้ชีวิตของไพร่ยากลำบากก็ตาม สิ่งที่โด่งดังในยุคกลางเรื่องของศาสนาคือวิหารที่ใช่ประกอบพิธีทางศาสนาที่ใหญ่โตและสวยงาม ทำให้ศาสนาคริสต์เป็นที่รู้จักในยุคกลางของยุโรป
จักรวรรดิโรมันได้ถูกรุกรานจากพวกเผ่าอนารยชนหลายเผ่า และได้มีการแบ่งออกเป็นโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก ส่วนศาสนาคริสต์นั่นเข้ามามีบทบาทในช่วงต้นของสมัยจักรวรรดิโรมัน และได้มีการจัดให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาต้องห้ามต่อมาในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดศาสนาคริสต์ก็เป็นที่ยอมรับนับถือได้ โดยจักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่ 1 ศาสนาคริสต์เข้ามามีบาบาทกับประชาชนทุกชนชั้น ทั้งขุนนางจนถึงประชาชนที่ยากไร้ ก็ล้วนแล้วแต่เสียสละเงินทอง อาหารและความสะดวกสบายของตนเพื่อบำรุงศาสนาของตน ถือเป็นการรักษาไว้ซึ่งศาสนา ทั้งศาสนสถานที่มีการสร้างโบสถ์ สร้างวิหารไว้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ถึงแม้บางคนอาจจะนับถือเพราะจักพรรดิประกาศให้เป็นศาสนาประจำจักรวรรดิดรมันก็ตาม แต่ก็ยังทำนุบำรุงศาสนาคริสต์ จึงซึ่งถือได้ว่าศาสนาคริสต์มีอิทธิพลต่อชาวยุโรปยุคกลางอย่างมาก
อ้างอิง
ศาสนาในยุโรปยุคกลาง. (ม.ป.ป.). เข้าถึงได้จาก: http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=209 (วันที่ค้นข้อมูล: 7 มหราคม 2557)
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง. (ม.ป.ป.). เข้าถึงได้จาก: http://writer.dek-d.com/clazp_nok/story/viewlongc.php?id=566963&chapter=1 (วันที่ค้นข้อมูล: 7 มหราคม 2557)
จักรวรรดิโรมันในยุคกลางนั้น ได้มีการถูกรุกรานจากอนารยชนหลายเผ่าที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนส่วนต่างๆของอาณาจักโรมันตะวันตก ซึ่งจักรพรรดิโรมันพยายามสร้างความเข้มแข็งให้จักรวรรดิโรมันที่กว้างขวางยิ่งใหญ่ให้คงอยู่ด้วยการแบ่งจักรวรรดิออกเป็น 2 ภาค คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออกแต่ก็ไม่สามารถทำให้จักรวรรดิโรมันมั่นคงอยู่ได้เนื่องจากถูกรุกรานอยู่บ่อยครั้ง จักรวรรดิโรมันตะวันตกได้ล่มสลายลงเนื่องจากแม่ทัพเผ่าเยอรมันได้ปลดจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกลง ส่วนจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ ยังดำรงสืบต่อมาอีกเกือบ 1000 ปี และล่มสลายลงในเวลาต่อมา
ต่อมาคริสต์ศาสนาได้กำเนิดขึ้นในช่วงต้นของสมัยจักรวรรดิโรมันหลังจากนั้นประมาณ 300 ปี คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาต้องห้ามของจักรวรรดิโรมันและถูกทางการปราบปรามอย่างรุนแรง จนกระทั่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ทรงนับถือคริสต์ศาสนา และใน ค.ศ. 394 จักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่ 1 ได้ประกาศให้คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมัน ทำให้คริสต์ศาสนาขยายตัวมีผู้นับถือมากขึ้นในยุคกลางประชากรเกือบทั้งหมดในยุโรปตะวันออกนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ศรัทธาจากใจจริงทุกคน แต่ช่วงยุคกลางเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เชื่อถือและเคร่งในศาสนาประชากรในยุคกลาง มักจะอุทิศความสะดวกสบายและเงินทองเพื่อบำรุงศาสนา ชนชั้นขุนนางที่ค่อนข้างฐานะดีก็มักจะถวายที่ดิน เงินทองเพื่อนสร้างโบสถ์ในผืนดินของตนเอง และยังนิยมสร้างหลุมฝังศพที่สวยงามอีกด้วย แม้กระทั่งชนชั้นไพร่ที่ยากจนยังจำเป็นต้องบริจาคพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้หนึ่งในสิบส่วน เพื่อช่วยค้ำจุนโบสถ์ในหมู่บ้านของตน ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะทำให้ชีวิตของไพร่ยากลำบากก็ตาม สิ่งที่โด่งดังในยุคกลางเรื่องของศาสนาคือวิหารที่ใช่ประกอบพิธีทางศาสนาที่ใหญ่โตและสวยงาม ทำให้ศาสนาคริสต์เป็นที่รู้จักในยุคกลางของยุโรป
จักรวรรดิโรมันได้ถูกรุกรานจากพวกเผ่าอนารยชนหลายเผ่า และได้มีการแบ่งออกเป็นโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก ส่วนศาสนาคริสต์นั่นเข้ามามีบทบาทในช่วงต้นของสมัยจักรวรรดิโรมัน และได้มีการจัดให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาต้องห้ามต่อมาในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดศาสนาคริสต์ก็เป็นที่ยอมรับนับถือได้ โดยจักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่ 1 ศาสนาคริสต์เข้ามามีบาบาทกับประชาชนทุกชนชั้น ทั้งขุนนางจนถึงประชาชนที่ยากไร้ ก็ล้วนแล้วแต่เสียสละเงินทอง อาหารและความสะดวกสบายของตนเพื่อบำรุงศาสนาของตน ถือเป็นการรักษาไว้ซึ่งศาสนา ทั้งศาสนสถานที่มีการสร้างโบสถ์ สร้างวิหารไว้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ถึงแม้บางคนอาจจะนับถือเพราะจักพรรดิประกาศให้เป็นศาสนาประจำจักรวรรดิดรมันก็ตาม แต่ก็ยังทำนุบำรุงศาสนาคริสต์ จึงซึ่งถือได้ว่าศาสนาคริสต์มีอิทธิพลต่อชาวยุโรปยุคกลางอย่างมาก
อ้างอิง
ศาสนาในยุโรปยุคกลาง. (ม.ป.ป.). เข้าถึงได้จาก: http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=209 (วันที่ค้นข้อมูล: 7 มหราคม 2557)
อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง. (ม.ป.ป.). เข้าถึงได้จาก: http://writer.dek-d.com/clazp_nok/story/viewlongc.php?id=566963&chapter=1 (วันที่ค้นข้อมูล: 7 มหราคม 2557)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น