โดย ศุภฤกษ์ พวงจำปา
ไบเซ็นไทน์เดิมเป็นดินแดนอาณานิคมของกรีก เรียกกันว่า ไบเซส ( Byzas) ต่อมาเมื่อ ค.ศ.330 จักรพรรดิคอนสแตนตินได้ใช้เป็นฐานอำนาจสำรองของกรุงโรม ในช่วงสุดท้ายของจักรวรรดิโรมัน เมืองไบแซนไทน์จึงเป็นเมืองหลวงโดยสมบูรณ์ของอาณาจักรโรมันตะวันออก สืบทอดอารรยธรรมกรีก-โรมันโบราณ ภาษาราชการใช้ภาษาละตินเป็นหลัก เมืองหลวงแห่งนี้มีชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล (The City of Constantine) เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ จักรพรรดิคอนสแตนติโนเปิล
ค.ศ. 324 จักรพรรดิคอนสแตนตินได้สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิโรมัน พระองค์ทรงย้ายเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันไปยังเมืองไบแซนทิอุม จนกระทั่งในปี ค.ศ. 395 จักรพรรดิเธโอดอซุสที่ 1 ทรงแบ่งแยกจักรวรรดิโรมันเป็น 2 ส่วน ได้แก่ จักรวรรดิโรมันตะวันออก และ จักรวรรดิโรมันตะวันตก ในขณะที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกได้ถูกทำลายและล่มสลายไปในปี ค.ศ. 476 ซึ่งนำไปสู่ยุคมืดของยุโรป
จักรวรรดิไบแซนไทน์ได้หันมารับภาษาและวัฒธรรมกรีก ในรัชสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน (Justinian) ครองราชย์ ค.ศ. 527-565 เป็นช่วงที่จักรวรรดิไบเซ็นไทน์เจริญถึงขีดสุด หลังจากจักรพรรดิจัสติเนียนเสด็จสวรรคตแล้ว จักรวรรดิไบแซนไทน์ เริ่มเสื่อมอำนาจลงเรื่อยๆ ในค.ศ. 565-641 จักรวรรดิไบแซนไทน์ต้องเสียดินแดนในการปกครองอย่างต่อเนื่องโดยการรุกราน ของพวกเปอร์เซียและสลาฟ แต่ในปลายปี ค.ศ. 627 กองทัพไบแซนไทน์กลับเอาชนะกองทัพเปอร์เซียได้ และเปอร์เซียได้ถูกบังคับให้ลงนามสนธิสัญญาสงบศึก ทำให้ไบแซนไทน์ดูเหมือนกลับมาสงบอีกครั้ง
แต่การรุกรานใหม่เริ่มเข้ามาสู่จักรวรรดิไบแซนไทน์อีกครั้งนั้นก็คือ ศาสนาอิสลามที่เผยแพร่ศาสนาโดยการนำของมุสลิมชาวอาหรับที่มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกที ปัญหาการรุกรานของมุสลิมอาหรับกับไบแซนไทน์ก็ดูเหมือนว่าจะจบลงไปชั่วคราวเมื่อได้พันธมิตร โดยจักรพรรดิลีโอที่ 3 ทำให้ใน ค.ศ. 867–1025 ความสงบชั่วคราวทำให้จักรวรรดิไบแซนไทน์กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งภายในสมัยมาซิโดเนีย
ต่อมาเมื่อเติร์กขยายตัวมากยิ่งขึ้นก็เริ่มรุกรานพื้นที่หลายแห่งของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในปี 1055 และ อาณาจักรไบเซนไทน์ล่มสลายหลังจากชาวเติร์ก ที่สร้างอาณาจักรออตตามัน และโจมตีคอนสเตนติโนเบิ้ล ในปี1453 และในทางประวัติศาสตร์ยังได้ถือว่าการสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์เป็นที่สิ้นสุดของยุคกลางในยุโรป
อาณาจักรไบแซนไทน์แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของ ศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงการแย่งชิงอำนาจ ที่ไม่มีใครที่จะ ครองอำนาจอยู่แต่เพียงผู้เดียว ท้ายที่สุดก็ต้องลาจากไป เหลือไว้เพียงสิ่งที่พวกเขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมา
อ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (มปป). จักรวรรดิไบเซนไทน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2557, from http://th.wikipedia.org/wiki/จักรวรรดิไบแซนไทน์
จุฑารัตน์ โกกทาน. (2555). อาณาจักรไบเเซนไทน์ สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2557, from http://ipafez.wordpress.com/2012/02/24/อาณาจักรไบเซนไทน์/
ไบเซ็นไทน์เดิมเป็นดินแดนอาณานิคมของกรีก เรียกกันว่า ไบเซส ( Byzas) ต่อมาเมื่อ ค.ศ.330 จักรพรรดิคอนสแตนตินได้ใช้เป็นฐานอำนาจสำรองของกรุงโรม ในช่วงสุดท้ายของจักรวรรดิโรมัน เมืองไบแซนไทน์จึงเป็นเมืองหลวงโดยสมบูรณ์ของอาณาจักรโรมันตะวันออก สืบทอดอารรยธรรมกรีก-โรมันโบราณ ภาษาราชการใช้ภาษาละตินเป็นหลัก เมืองหลวงแห่งนี้มีชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล (The City of Constantine) เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ จักรพรรดิคอนสแตนติโนเปิล
ค.ศ. 324 จักรพรรดิคอนสแตนตินได้สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิโรมัน พระองค์ทรงย้ายเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันไปยังเมืองไบแซนทิอุม จนกระทั่งในปี ค.ศ. 395 จักรพรรดิเธโอดอซุสที่ 1 ทรงแบ่งแยกจักรวรรดิโรมันเป็น 2 ส่วน ได้แก่ จักรวรรดิโรมันตะวันออก และ จักรวรรดิโรมันตะวันตก ในขณะที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกได้ถูกทำลายและล่มสลายไปในปี ค.ศ. 476 ซึ่งนำไปสู่ยุคมืดของยุโรป
จักรวรรดิไบแซนไทน์ได้หันมารับภาษาและวัฒธรรมกรีก ในรัชสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน (Justinian) ครองราชย์ ค.ศ. 527-565 เป็นช่วงที่จักรวรรดิไบเซ็นไทน์เจริญถึงขีดสุด หลังจากจักรพรรดิจัสติเนียนเสด็จสวรรคตแล้ว จักรวรรดิไบแซนไทน์ เริ่มเสื่อมอำนาจลงเรื่อยๆ ในค.ศ. 565-641 จักรวรรดิไบแซนไทน์ต้องเสียดินแดนในการปกครองอย่างต่อเนื่องโดยการรุกราน ของพวกเปอร์เซียและสลาฟ แต่ในปลายปี ค.ศ. 627 กองทัพไบแซนไทน์กลับเอาชนะกองทัพเปอร์เซียได้ และเปอร์เซียได้ถูกบังคับให้ลงนามสนธิสัญญาสงบศึก ทำให้ไบแซนไทน์ดูเหมือนกลับมาสงบอีกครั้ง
แต่การรุกรานใหม่เริ่มเข้ามาสู่จักรวรรดิไบแซนไทน์อีกครั้งนั้นก็คือ ศาสนาอิสลามที่เผยแพร่ศาสนาโดยการนำของมุสลิมชาวอาหรับที่มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกที ปัญหาการรุกรานของมุสลิมอาหรับกับไบแซนไทน์ก็ดูเหมือนว่าจะจบลงไปชั่วคราวเมื่อได้พันธมิตร โดยจักรพรรดิลีโอที่ 3 ทำให้ใน ค.ศ. 867–1025 ความสงบชั่วคราวทำให้จักรวรรดิไบแซนไทน์กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งภายในสมัยมาซิโดเนีย
ต่อมาเมื่อเติร์กขยายตัวมากยิ่งขึ้นก็เริ่มรุกรานพื้นที่หลายแห่งของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในปี 1055 และ อาณาจักรไบเซนไทน์ล่มสลายหลังจากชาวเติร์ก ที่สร้างอาณาจักรออตตามัน และโจมตีคอนสเตนติโนเบิ้ล ในปี1453 และในทางประวัติศาสตร์ยังได้ถือว่าการสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์เป็นที่สิ้นสุดของยุคกลางในยุโรป
อาณาจักรไบแซนไทน์แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของ ศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงการแย่งชิงอำนาจ ที่ไม่มีใครที่จะ ครองอำนาจอยู่แต่เพียงผู้เดียว ท้ายที่สุดก็ต้องลาจากไป เหลือไว้เพียงสิ่งที่พวกเขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมา
อ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (มปป). จักรวรรดิไบเซนไทน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2557, from http://th.wikipedia.org/wiki/จักรวรรดิไบแซนไทน์
จุฑารัตน์ โกกทาน. (2555). อาณาจักรไบเเซนไทน์ สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2557, from http://ipafez.wordpress.com/2012/02/24/อาณาจักรไบเซนไทน์/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น