เพอร์เซโฟนีราชินีแห่งยมโลก (Persephone) ต้นกำเนิดการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล

โดย กมลชนก คำภา

ทุกคนล้วนรู้ดีว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลตามเวลาใน 1 ปี แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่ามีตำนานที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลไว้อยู่ เป็นเรื่องราวในสมัยโบราณที่มีสวรรค์ นรก เวทย์มนตร์ ปิศาจ เทพเจ้า และมนุษย์ซึ่งการเปลี่ยนแปลงฤดูการนี้เริ่มมาจากรักต้องห้ามของเทพเจ้ากรีกผู้เป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์โลกในขณะนั้น คือตำนานความรักของเทพฮาเดสและเทพีเพอร์เซโฟนี

เพอร์เซโฟนี(Persephone) เป็นเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิเธอเป็นลูกสาวของเทพีดีมิเทอร์ (Demeter) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และมหาเทพซุส (Zeus) ผู้ปกครองโอลิมปัส เมื่อเพอร์เซโฟนีเดินคู่กายไปกับแม่ของเธอพื้นที่นั้นจะเต็มไปด้วยพืชพรรณธัญหารที่อุดมสมบูรณ์ เธอมีอีกนามหนึ่งว่า คอเร (Kore) ซึ่งแปลว่าดอกไม้

ที่มา: https://en.wikipedia.org/
เพอร์เซโฟนีเป็นเทพีหญิงสาวที่มีความน่ารัก สดใส ไร้เดียงสาและงดงามมาก เธอมีน้ำเสียงที่ไพเราะที่เมื่อเปล่งเสียงออกมาก็สามารถปลุกความมีชีวิตชีวาให้แก่ธรรมชาติ ไม่ว่าเธอจะย่างกรายไปที่ไหน ดอกไม้พืชพรรณก็จะบานชูช่อเปล่งประกายความงามออกมา เหล่าสัตว์ทั้งหลายล้วนมักเข้ามาคลอเคลียเธอ ทำให้เธอเป็นที่หมายปองของเหล่าเทพ แต่เทพีดีมิเทอร์นั้นรักและหวงเธอเป็นอย่างมาก จึงพาเธอไปอยู่ที่ห่างไกลจากโอลิมปัสและปฏิเสธเหล่าเทพที่มาสู่ขอลูกสาวของเธอไปจนหมด

อยู่มาวันหนึ่ง เพอร์เซโฟนีเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิผู้น่ารักสดใสไร้เดียงสาอยู่ๆก็ได้กลายเป็นราชินีแห่งยมโลกหรือนรกใต้พื้นพิภพ หลังจากถูกเทพฮาเดส (Hades) ผู้เป็นเทพผู้ปกครองยมโลกและคนตาย ผู้เย็นชาซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของเทพซุสหรือเป็นลุงของเพอร์เซโฟนี ลักพาตัวเธอไปปกครองนรกด้วยกัน รักต้องห้ามนี้ที่เกิดขึ้น

มีตำนานหลักๆ อยู่ 2 ตำนาน ที่หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินมา บอกเล่าความเป็นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตำนานแรกคือ วันหนึ่งพื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนรามไปถึงใต้พิภพจนฮาเดสร้อนใจจึงได้ประทับราชรถเทียมม้าขึ้นมาบนพื้นพิภพและได้พบกับเพอร์เซโฟนีที่กำลังเก็บดอกไม้อยู่ ฮาเดสตกหลุมรักเพอร์เซโฟนีทันที แต่กิตติศัพท์ความหวงลูกสาวของเทพีดีมิเทอร์นั้นเป็นที่เลื่องลือ ฮาเดสได้ตัดสินใจเข้าไปขอเพอร์เซโฟนีกับซุส ซึ่งซุสก็ได้เห็นดีเห็นงามด้วยแต่เทพีดีมิเทอร์นั้นหวงลูกสาวมากและคงไม่ยอมยกลูกสาวให้กับฮาเดสเป็นแน่ ซุสผู้น้องจึงแนะนำให้ฮาเดสจับตัวลูกสาวของตนไปซะดีกว่า ฮาเดสจึงได้ลักพาตัวเพอร์เซโฟนีไปเสียเลย

อีกตำนานหนึ่งคือ ตั้งแต่เล็ก เพอร์เซโฟนีนั้นมีความแน่วแน่มากที่จะประพฤติตนเป็นเทพีพรหมจรรย์เช่นเดียวกับ เฮสเทีย (Hestia) ผู้เป็นป้า อาธีน่า (Athena) และอาร์เทมีส (Artemis) ผู้เป็นพี่ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ อโฟรไดท์ (Aphrodite) ซึ่งเป็นเทพีแห่งความงามและความรักเป็นอย่างมาก เพราะมีเทพีที่เป็นเทพีพรหมจรรย์ถึง 3 คนก็มากเกินไปแล้วสำหรับพระนาง ยังจะต้องมีคนที่ 4 อีกหรือ?

ที่มา: https://owlcation.com/
อยู่มาวันหนึ่งพื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนจนพื้นใต้พิภพเกิดรอยแตกร้าว ทำให้เทพฮาเดสผู้ปกครองใต้พิภพเกิดความร้อนใจ จึงได้ประทับราชรถเทียมม้าคู่ขึ้นมาตรวจสอบทันที และเมื่อราชรถเทียมม้าขึ้นมาถึงพื้นดิน เทพีอโฟรไดท์ซึ่งเดินนวยนาดอยู่แถวนั้นพอดีได้เห็นเทพฮาเดส จึงเกิดความคิดสนุกขึ้นมาว่า เทพฮาเดสเป็นราชาแห่งยมโลกผู้โดดเดี่ยวไร้รักเพราะไม่มีเทพีองค์ใดหมายปองที่จะลงไปอยู่ในนรกใต้พื้นพิภพกับพระองค์และเพอร์เซโฟนีเองก็กำลังจะประพฤติตนเป็นพรหมจรรย์ เทพีอโฟรไดท์จึงวางแผนให้ฮาเดสและเพอร์ซิโฟนีได้พบรักกัน จึงสั่งให้ อีรอส (Eros) หรือ คิวปิด กามเทพแห่งรักไปยิงศรรักใส่ฮาเดส เพื่อที่จะให้ฮาเดสนั้นตกอยู่ในห้วงรักบ้าง

อีรอสได้ทำหน้าที่แผลงศรรักทันที หากฮาเดสต้องมนต์ของศรรัก จะทำให้ฮาเดสตกหลุมรักสิ่งแรกที่เห็นทันที เมื่อศรรักถูกยิงไปที่ฮาเดสอย่างแม่นยำ ฮาเดสก็ได้ตกอยู่ในห้วงรักทันที โดยสิ่งแรกที่ฮาเดสเห็นนั้นก็คือเทพีเพอร์เซโฟนีที่กำลังเก็บดอกไม้อยู่!! ฮาเดสไม่สนความผิดชอบชั่วดี จึงตรงรี่เข้าฉุดเพอร์เซโฟนีขึ้นราชรถเทียมม้าและกลับไปสู่พื้นพิภพโดยทันที ท่ามกลางความตกใจของเพอร์เซโฟนีและกรีดร้องเรียกหาแม่ของเธอ

ในขณะที่ฮาเดสขับราชรถจะกลับลงสู่พื้นพิภพ ก็ได้ผ่านแม่น้ำไซยานี ซึ่งเกิดความปั่นป่วนราวกับจะขัดขวางพระองค์เอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังของฮาเดสได้ เพอร์เซโฟนีรู้สึกได้ว่าแม่น้ำพยายามจะช่วยเธอ เธอจึงได้ถอดสายรัดเอวของเธอลงทิ้งไปในแม่น้ำ เพื่อหวังว่าสายน้ำนี้จะพัดพาเอาสายรัดเอวไปให้แม่ของเธอ

ทางด้านเทพีดีมิเทอร์เมื่อรู้ตัวว่าลูกสาวที่รักสุดสวาทขาดใจหายไป ก็ได้ออกตามหาเพอร์เซโฟนีไปทั่วและดีมิเทอร์ก็ได้ทราบเรื่องจากพวกนางไม้ที่คอยตามเพอร์เซโฟนีแล้วก็เฮลิออสหรือดวงอาทิตย์ ที่เห็นเรื่องราวทั้งหมด จึงเศร้าโศกเสียใจเพราะดีมิเทอร์ไม่สามารถทำอะไรฮาเดสได้ เพราะมัวแต่ร้องไห้หาลูกสาว จึงหลงลืมที่จะบันดาลให้พืชผลงอกงามส่งผลให้พืชผลแห้งเหี่ยว มนุษย์เกิดความอดอยากและล้มตายเป็นจำนวนมาก ดีมิเทอร์ได้ร้องเรียนให้ซุสพาลูกสาวของตนกลับคืนมา ซุสที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้และทนดูไม่ไหวเนื่องจากมนุษย์ล้มตายและไม่มีของเซ่นไหว้ จึงได้ส่งเทพเฮอร์มีสนักเจรจาลงไปยังยมโลกเพื่อขอตัวเพอร์เซโฟนีคืน แต่ฮาเดสนั้นไม่ยอมคืนตัวเพอร์เซโฟนีให้ เฮอร์มีสจึงได้สร้างข้อตกลงขึ้นใหม่โดยกล่าวว่าเพอร์เซโฟนีนั้นไม่สามารถอยู่ในยมโลกได้เนื่องจากเป็นที่ของคนตาย หากอยู่ต่อไปจะถือว่าผิดกฎธรรมชาติ แต่ถ้าหากเพอร์เซโฟนีได้กินอะไรก็ตามที่อยู่ในยมโลกแล้ว จะทำให้เพอร์เซโฟนีเป็นคนของยมโลกทันที ฮาเดสย่อมมีสิทธิ์ในเธอ

ระหว่างที่อาศัยอยู่ในยมโลกใต้พื้นพิภพนั้น เพอร์เซโฟนีได้กินทับทิมไป 3 เม็ด โดยที่เธอไม่ได้ทราบ
เงื่อนไขข้อตกลงนี้เลย เมื่อเดินทางกลับขึ้นมายังพื้นโลก ฮาเดสก็ได้ทวงถามสิทธิ์ในการครอบครองเพอร์เซโฟนีกับซุสทันทีซุสเกิดความลำบากในการตัดสินใจเป็นอย่างมาก จึงตัดสินยอมให้เพอร์เซโฟนีกลับไปอยู่กับฮาเดสตามจำนวนของเมล็ดทับทิมที่กินไปเป็นเวลา 3 เดือน และสามารถกลับขึ้นมาอยู่บนพื้นดินกับดีมิเทอร์ผู้เป็นแม่ได้เป็นเวลา 9 เดือน ดังนั้นช่วงเวลาที่เพอร์เซโฟนีและดีมิเทอร์ได้อยู่ด้วยกันบนพื้นโลก พืชพรรณธัญหารของมนุษย์จะเจริญเติบโตงอกงามอุดมสมบูรณ์ สามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้ แต่เมื่อถึงยามที่เพอร์เซโฟนีจะต้องกลับลงไปยังยมโลก ดีมิเทอร์ผู้เป็นแม่ก็จะเศร้าโศกเสียใจ ส่งผลให้พืชพรรณไม่สามารถเจริญงอกงามหรือเพาะปลูกขึ้นได้ถือเป็นฤดูหนาวหรือฤดูแล้งในแต่ละพื้นที่ เรื่องราวนี้จึงเป็นที่มาของการเกิดฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปบนพื้นโลก

เพอร์เซโฟนีที่ได้กลายเป็นราชินีแห่งยมโลกนั้น ได้เปลี่ยนตัวเองจากเด็กสาวที่น่ารักใสซื่อบริสุทธิ์เป็นราชินีผู้เย็นชาเนื่องจากเธอไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ในยมโลกที่มีแต่ความมืดมิดและคนตาย ฮาเดสจึงมักนำอัญมณีของมีค่ามาประจบเอาใจเธอ เพอร์เซโฟนีจึงมีความรู้สึกรักฮาเดสอยู่บ้าง และฮาเดสเองก็เป็นสามีที่ซื่อสัตย์ ไม่ค่อยมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวเหมือนเทพผู้น้ององค์อื่นๆ ทำให้เพอร์เซโฟนีนั้นค่อนข้างหวงฮาเดสอยู่พอสมควรคล้ายคำพูดในปัจจุบันที่ว่า รักนะแต่ไม่แสดงออก เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้ฮาเดสนอกลู่นอกทาง เช่น มีพรายสาวมายั่วยวน ก็ถูกแม่ยายหรือเทพีดีมิเทอร์และเพอร์เซโฟนีไล่กระทืบจนตาย และสาปให้กลายเป็นต้นมิ้นต์ มีพรายน้ำที่ชื่อว่าเลอซีที่ฮาเดสชอบพอ แต่โชคร้ายที่อายุสั้นเพราะป่วยตายทั้งๆ ที่พรายน้ำเป็นอมตะ อาจกล่าวได้ว่าการป่วยตายนี้เป็นฝีมือของดีมิเทอร์แม่ยายที่หวงลูกเขยอีกก็เป็นได้...

และแน่นอนว่าตัวของเพอร์เซโฟนีเองแม้จะกลายเป็นราชินีแห่งยมโลกอยู่ใต้พื้นพิภพไปแล้ว กิตติศัพท์ความน่ารักงดงามของเธอก็ยังคงทำให้ชายหนุ่มเพ้อฝัน ถึงขั้นลงทุนเดินทางมายังยมโลก เพื่อมาขอเพอร์เซโฟนีจากฮาเดส แน่นอนว่าล้วนเจออิทธิฤทธิ์ของราชาแห่งยมโลกผู้หวงราชินียิ่งกว่าอะไร กลั่นแกล้งจนกลับพื้นดินโลกไม่ถูกกันเลยทีเดียว

อ้างอิง

Bearry Channel. (2559). Greek Bearry EP 7 เพอร์เซโฟนี (Persephone) ราชินีแห่งนรก และต้นก าเนิดของฤดูหนาว. ค้นเมื่อ 10 กันยายน 2560, จาก https://www.youtube.com/watch?v=WTsoi8Jc8_4

ginger bread. (ม.ป.ป.). ต านานรักเทพเฮดีสเทพแห่งโลกหลังความตาย กับ เทพธิดาเพอร์ซิโฟเนเทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิ. ค้นเมื่อ 10 กันยายน 2560 จาก, https://board.postjung.com/706088.html

เพอร์เซฟะนี Persephone. (2560). ค้นเมื่อ 10 กันยายน 2560, จาก http://storylegendsth.blogspot.com/2017/03/Persephone.html

จาตุรันต์ เสียงดี. (2555). ต านานกรีกโบราณกับฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง "Persephone". ค้นเมื่อ 10 กันยายน 2560, จาก https://www.gotoknow.org/posts/83595

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น