ฟาโรห์แรเมซีสที่สอง บุตรของฟาโรห์เซติที่หนึ่ง ทรงได้รับขนานนามว่า “บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่” พระองค์ทรงเป็นนักปกครองที่ทรงความสามารถและยังเป็นนักรบที่มีความเก่งกาจ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นฟาโรห์ผู้มีชื่อเสียงและทรงอำนาจมากที่สุดของอาณาจักรอียิปต์
ในช่วงแรกฟาโรห์แรเมซีสได้เน้นไปที่การสร้างเมือง วัด นอกจากนี้ยังได้สร้างเมืองหลวงขึ้นใหม่ที่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำไนล์ เพื่อที่จะใช้เป็นฐานในการหาเสียง เมื่อฟาโรห์แรเมซีสครองราชย์ได้ครบ 30 ปี ก็ได้สถาปนาตนเองเป็นเสมือนเทพเจ้า และสมรสกับพระนางเนเฟอร์ตารีที่เป็นมเหสีเอก และให้กำเนิดพระโอรสองค์แรก ชื่อว่า อามุนเฮอเคปิเชฟ ฟาโรห์แรเมซีสได้สร้างเทววิหารที่มีรูปสลักแทนพระองค์ที่ยิ่งใหญ่ คือ อาบู ซิมเบล ที่แกะสลักเป็นรูปของฟาโรห์แรเมซีสและพระราชินีเนเฟอร์ตารีมเหสี และยังมีอนุสาวรีย์มากมายเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์เอง
นอกจากนี้ฟาโรห์แรเมซีสได้ขยายอำนาจการปกครองออกไปอย่างกว้างขวาง โดยพระองค์ได้ปราบปรามเมืองของชาวนูเบีย และ ดินแดนรอบข้างแอฟริกาเหนือ ทำให้ อียิปต์ก็ได้ครอบครองดินแดนคานา ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเอเชียไมเนอร์ด้วย และยังได้ขยายอำนาจเข้าไปในเอเชียโดยการปราบปรามชนเผ่าต่างๆ ซึ่งจากการขยายอำนาจในครั้งนี้ ทำให้อียิปต์ได้มีปัญหากับจักรวรรดิฮิตไตท์ที่เป็นจักรวรรดิมหาอำนาจในทางตะวันออกกลางในช่วงเวลานั้น จักรวรรดินี้มีความสามารถในเรื่องของการหลอมโลหะและยังเป็นพวกแรกที่มีได้มีการนำเหล็กเข้ามาใช้
ในช่วงสมัยของฟาโรห์แรเมซีส ทั้งสองอาณาจักรนี้ได้เกิดการกระทบกระทั่งกันอยู่บ่อยครั้ง เป็นเพราะว่าทั้งสองฝ่ายได้พยายามเข้ามามีอิทธิพลในปาเลสไตน์และซีเรีย จนทำให้ในท้ายที่สุดฟาโรห์แรเมซีส ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำสงครามกับทหารฮิตไตท์โดยยึดครองเมืองคาเดชเพื่อขับไล่ทหารชาวฮิตไตท์ออกจากปาเลสไตน์และซีเรีย ในปี 1286 ก่อนคริสต์ศักราช
สงครามได้เกิดขึ้นอย่างดุเดือด ทหารของทั้งสองฝ่ายล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถทราบได้เลยว่าที่แท้จริงแล้วฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะหลังจากสนธิสัญญาสงบศึก ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกของโลก ที่สมัยก่อนได้บันทึกไว้ลงกระดาษปาปิรุส ได้มีการแลกตัวประกันของแต่ละฝ่าย ซึ่งปัจจุบันได้มีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามครั้งนี้ก็คือ ฝ่ายอียิปต์ได้มีการจารึกลงบนกำแพงของวิหารคาร์นัค ว่าฝ่ายอียิปต์เป็นฝ่ายได้รับชนะ
ฟาโรห์แรเมซีสเป็นกษัตริย์ที่ทำให้ชาวอียิปต์มีความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยและมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ในช่วงวาระสุดท้ายของฟาโรห์แรเมซีสนั้นมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงเกี่ยวกับฟัน และติดเชื้อโรคระบาดรุนแรงเกี่ยวกับข้อต่อกระดูกรวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดแดง หลังจากที่ฟาโรห์แรเมซีสสิ้นพระชนม์ อาณาจักรอียิปต์จึงได้ล่มสลายเพราะมีศัตรูมากมายเข้ามารุกราน ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงฟาโรห์แรเมซีสจะจากไปแต่ฟาโรห์แรเมซีสก็สร้างความทรงจำที่ยิ่งใหญ่แก่ประชากรในอาณาจักรอียิปต์ ซึ่งในปัจจุบันร่างมัมมี่ของฟาโรห์แรเมซีสได้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
อ้างอิง
Wikipedia.2015. ฟาโรห์แรเมเซสที่2. สืบค้นเมื่อ 27 เมษายน 2558,
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/ฟาโรห์แรเมซีสที่_2
จาก http://www.oceansmile.com/Egypt/RamsesKing.htm
จาก http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m3-9/no07-22/project/page020.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น