โดย สหรัฐ ลารังสิต
ในบรรดาเพชรแห่งราชวงศ์ยุโรปนั้นมีเพชรที่สวยงามและมีประวัติที่ยาวนานมากมาย เช่น เพชรแซนซี เพชรรีเจนท์ เพชรฟอเรนไทร์ และ เพชรอีกหนึ่งเม็ดที่มีประวัติอันยาวนานที่สุดก็คือ เพชรโฮป หรือที่รู้จักกันในชื่อ"Le Bleu de หรือ"Le Bijou du Roi ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเพชรที่มีชื่อเสียงระดับโลกและมีผู้เข้าชมเป็นอับดับที่ 2 รองจากภาพโมนาลิซ่า
เพชรโฮปนั้นไม่มีที่มาที่ชัดเจนและแน่นอนแต่เพชรโฮปนั้นมีตำนานเรื่องเล่าได้ว่าเพชรเม็ดนี้นั้นได้มาจากดวงตาของเทวรูปซึ่งอยู่ในวัดแห่งหนึ่งที่อินเดียหากใครหรือผู้ใดนั้นครอบครองเพชรเม็ดนี้จะต้องถูกคำสาปของเพชรเม็ดนี้ แต่เดิมนั้นเพชรโฮปนี้มีน้ำหนัก 122 กะรัต และในศตวรรษที่ 17 นั้นได้มีพ่อค้าเพชร ชื่อ ชอง แบบติสต์ ตาแวร์นิเยร์(Jean Baptist Tavernier) ได้เดินทางมาที่ประเทศอินเดียและได้นำเพชรโฮปเม็ดนี้กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส และ ได้ขายเพชรโฮปนี้ให้กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งราชวงศ์บูร์บอง ด้วยราคา 3000000 ปอนด์ ซึ่งพระเจ้าหลุยส์นั้นก็ได้ซื้อเพชรนั้นมาจากพ่อค้าเพชร
จากนั้นในเวลาต่อมาเมื่อ ตาแวร์นิเยร์ ซึ่งเป็นผู้ขายเพชรให้แก่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อายุได้ 84 ปี ก็ได้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาและไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตผู้คนเล่ากันว่าเป็นคำสาปของเพชรโฮปที่เขาได้ขายให้แกพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และในเวลาต่อมาจากนั้นเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ซื้อเพชรโฮปมาไว้ในครอบครองแล้วก็ได้มีการสั่งให้เจียระไนเพชรโฮปนี้ขึ้นมาใหม่มีน้ำหนัก 67 กะรัต โดยนายช่าง เปเตออง (Petean) และเพชรโฮปเม็ดนี้ก็ได้เป็นที่รู้จักกันในหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น "เพชรตาแวร์นีเยสีฟ้า" (The Tavernier Blue) เพชรสีน้ำเงินฝรั่งเศส (The French blue) หรือเพชรสีน้ำเงินแห่งมงกุฎ (The Blue Diamond of the Crown)ซึ่งเวลาต่อมานั้นเพชรนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น Hope จากนั้นในเวลาต่อมาเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินีมารี อังตัวเนตต์ นั้นได้รับสืบทอดเพชรโฮปนี้มาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จนมาในปี ค.ศ.1789 เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น ทำให้ทั้ง 2 พระองค์ถูกผู้ที่ทำการปฏิวัติตัดพระเศียรด้วยกิโยตินและเพชรโฮปนั้นก็ได้ถูกขโมยไปจากการปฏิวัติฝรั่งเศสในครั้งนั้น
จนกระทั้งในปี ค.ศ.1830 เพชรสีน้ำเงินเม็ดหนึ่งหนัก 45.52 กะรัต ได้ปรากฏขึ้นที่ประเทศอังกฤษซึ่งว่ากันว่าเป็นเพชรที่ถูกเจียระไนมาจากเพชรต้องคำสาปที่มีชื่อว่า French blue โดย เดเนียล แอเลียสัน (Denial Eliason) พ่อค้าเพชรชาวลอนดอน เขานั้นได้เปลี่ยนรูปแบบการเจียระไนเป็นรูปหมอน (cushion) และขายมันให้แก่ เฮนรี ทอมัส โฮป (Henty Thomus Hope) นักธนาคารชาวอังกฤษในราคา 90000 ปอนด์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเพชรโฮปเม็ดนี้ เพชรโฮปนั้นได้ตกทอดไปถึง ลอร์ด ฟรานซิส โฮป (Lord Francis Hope)ซึ่งเป็นเหลนของ เฮนรี ทอมัส โฮป ซึ่ง ฟรานซิส และเขานั้นก็ได้เล่นพนันจนเป็นหนี้มากมาย จนในที่สุดได้ขายเพชรโฮปเพื่อใช้หนี้ของตระกูล และเพชรโฮปก็หายไปอีกครั้งโดยไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใดและไม่มีข้อมูลว่าผู้ใดถือครองอยู่
จากนั้นในเวลาต่อมาเพชรโฮปนั้นได้ปรากฏขึ้นที่ฝรั่งเศสและถูกขายโดยปีแยร์ การ์ตีเย (Pierre Cartier) พ่อค้าเพชรชาวฝรั่งเศสโดยได้ขายเพชรให้กับนางเอวาลีน วอลซ์ แมคลีน (Evalyn Walsh Mclean)ภรรยาของนายวิลเลียม แมคลีน (William Mclean) นางแมคลีนได้ซื้อเพชรมาในราคา 154,000 ดอลลาร์สหรัฐ และได้มีเรื่องเล่าว่าครอบครัว แมคลีน นั้นก็ได้โดนคำสาปของเพชรเช่นเดียวกันภายหลังจากการซื้อ เพชรโฮปได้ไม่นาน ลูกชายของแมคลีนก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถคันหนึ่งชนเสียชีวิตและหลังจากนั้นในเวลาต่อมาอีกไม่กี่เดือนลูกสาวคนเดียวของแมคลีนตายเพราะกินยานอนหลับเกินขนาด และหลังจากที่ นางแมคลีนเสียชีวิตแล้ว
แมคลีนก็ได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1949 และได้มีคนมาซื้อเพชรโฮปจากเขาคือ แฮร์รี วินสตัน (Harry Winston) เป็นพ่อค้าเพชรชาวนิวยอร์ก ซึ่งซื้อเพชรมาในราคา 180000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาสะสมจนในปี ค.ศ.1958 เอดนา วินสตัน (Edna Winston) ซึ่งเป็นลูกสาวของ แฮร์รี่ วินสตัน นั้นก็ได้นำเพชรโฮปนั้นมาบริจากให้แก่สถาบันสมิทโซเนียน(Smithsonian Institution)ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งปัจจุบันนั้นเป็นที่จัดแสดงเพชรโฮป
เพชรโฮปนั้นเป็นเพชรที่มีราคาสูงและมีความสวยงามมากและยังถูกกล่าวขานว่าเป็นเพชรต้องคำสาปเนื่องจากคนใดที่ได้ครอบครองเพชรนี้ก็จะเกิดเรื่องร้ายกับตัวเองและครอบครัวทำให้เพชรเม็ดนี้เป็นที่กล่าวขานถึงคำสาปในเพชรซึ่งไม่มีที่มาเม็ดนี้ว่ามาจากที่ไหนหรือใครเป็นผู้ทำขึ้นมามีแค่คำอ้างอิงจากแหล่งต่างๆถึงที่มาของเพชรและเนื่องจากเพชรเม็ดนี้ได้ถูกเปลี่ยนจากคนนึ่งสู่อีกคนนึ่งเป็นเวลานานทำให้มีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามหรือคำสาปในเพชรเม็ดนั้น ซึ่งปัจจุบันนั้นเพชรเม็ดนี้ได้ถูกจัดแสดงไว้ที่ สถาบันสมิทโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน และถือเป็นเพชรหนึ่งเม็ดที่สวยงามระดับโลกเลย และนี้ก็ถือเป็นประวัติศาสตร์ทางวัตถุอย่างหนึ่งที่เป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน
อ้างอิง
ตำนานและประวัติของเพชรโฮป (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2559 จาก http://general.sgs.ac.th/legend.php?id=3
สุดยอดเพชร 14 เม็ด ของโลก (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559 จาก http://lc.dpim.go.th/kb/1109
4เพชรอาถรรพ์แห่งราชวงศ์ยุโรป (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคา พ.ศ.2559 จาก http://www.dek-d.com/board/view/2267462/
ในบรรดาเพชรแห่งราชวงศ์ยุโรปนั้นมีเพชรที่สวยงามและมีประวัติที่ยาวนานมากมาย เช่น เพชรแซนซี เพชรรีเจนท์ เพชรฟอเรนไทร์ และ เพชรอีกหนึ่งเม็ดที่มีประวัติอันยาวนานที่สุดก็คือ เพชรโฮป หรือที่รู้จักกันในชื่อ"Le Bleu de หรือ"Le Bijou du Roi ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเพชรที่มีชื่อเสียงระดับโลกและมีผู้เข้าชมเป็นอับดับที่ 2 รองจากภาพโมนาลิซ่า
เพชรโฮปนั้นไม่มีที่มาที่ชัดเจนและแน่นอนแต่เพชรโฮปนั้นมีตำนานเรื่องเล่าได้ว่าเพชรเม็ดนี้นั้นได้มาจากดวงตาของเทวรูปซึ่งอยู่ในวัดแห่งหนึ่งที่อินเดียหากใครหรือผู้ใดนั้นครอบครองเพชรเม็ดนี้จะต้องถูกคำสาปของเพชรเม็ดนี้ แต่เดิมนั้นเพชรโฮปนี้มีน้ำหนัก 122 กะรัต และในศตวรรษที่ 17 นั้นได้มีพ่อค้าเพชร ชื่อ ชอง แบบติสต์ ตาแวร์นิเยร์(Jean Baptist Tavernier) ได้เดินทางมาที่ประเทศอินเดียและได้นำเพชรโฮปเม็ดนี้กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส และ ได้ขายเพชรโฮปนี้ให้กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งราชวงศ์บูร์บอง ด้วยราคา 3000000 ปอนด์ ซึ่งพระเจ้าหลุยส์นั้นก็ได้ซื้อเพชรนั้นมาจากพ่อค้าเพชร
จากนั้นในเวลาต่อมาเมื่อ ตาแวร์นิเยร์ ซึ่งเป็นผู้ขายเพชรให้แก่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อายุได้ 84 ปี ก็ได้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาและไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตผู้คนเล่ากันว่าเป็นคำสาปของเพชรโฮปที่เขาได้ขายให้แกพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และในเวลาต่อมาจากนั้นเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ซื้อเพชรโฮปมาไว้ในครอบครองแล้วก็ได้มีการสั่งให้เจียระไนเพชรโฮปนี้ขึ้นมาใหม่มีน้ำหนัก 67 กะรัต โดยนายช่าง เปเตออง (Petean) และเพชรโฮปเม็ดนี้ก็ได้เป็นที่รู้จักกันในหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น "เพชรตาแวร์นีเยสีฟ้า" (The Tavernier Blue) เพชรสีน้ำเงินฝรั่งเศส (The French blue) หรือเพชรสีน้ำเงินแห่งมงกุฎ (The Blue Diamond of the Crown)ซึ่งเวลาต่อมานั้นเพชรนี้ได้ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น Hope จากนั้นในเวลาต่อมาเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินีมารี อังตัวเนตต์ นั้นได้รับสืบทอดเพชรโฮปนี้มาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จนมาในปี ค.ศ.1789 เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น ทำให้ทั้ง 2 พระองค์ถูกผู้ที่ทำการปฏิวัติตัดพระเศียรด้วยกิโยตินและเพชรโฮปนั้นก็ได้ถูกขโมยไปจากการปฏิวัติฝรั่งเศสในครั้งนั้น
จนกระทั้งในปี ค.ศ.1830 เพชรสีน้ำเงินเม็ดหนึ่งหนัก 45.52 กะรัต ได้ปรากฏขึ้นที่ประเทศอังกฤษซึ่งว่ากันว่าเป็นเพชรที่ถูกเจียระไนมาจากเพชรต้องคำสาปที่มีชื่อว่า French blue โดย เดเนียล แอเลียสัน (Denial Eliason) พ่อค้าเพชรชาวลอนดอน เขานั้นได้เปลี่ยนรูปแบบการเจียระไนเป็นรูปหมอน (cushion) และขายมันให้แก่ เฮนรี ทอมัส โฮป (Henty Thomus Hope) นักธนาคารชาวอังกฤษในราคา 90000 ปอนด์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเพชรโฮปเม็ดนี้ เพชรโฮปนั้นได้ตกทอดไปถึง ลอร์ด ฟรานซิส โฮป (Lord Francis Hope)ซึ่งเป็นเหลนของ เฮนรี ทอมัส โฮป ซึ่ง ฟรานซิส และเขานั้นก็ได้เล่นพนันจนเป็นหนี้มากมาย จนในที่สุดได้ขายเพชรโฮปเพื่อใช้หนี้ของตระกูล และเพชรโฮปก็หายไปอีกครั้งโดยไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใดและไม่มีข้อมูลว่าผู้ใดถือครองอยู่
จากนั้นในเวลาต่อมาเพชรโฮปนั้นได้ปรากฏขึ้นที่ฝรั่งเศสและถูกขายโดยปีแยร์ การ์ตีเย (Pierre Cartier) พ่อค้าเพชรชาวฝรั่งเศสโดยได้ขายเพชรให้กับนางเอวาลีน วอลซ์ แมคลีน (Evalyn Walsh Mclean)ภรรยาของนายวิลเลียม แมคลีน (William Mclean) นางแมคลีนได้ซื้อเพชรมาในราคา 154,000 ดอลลาร์สหรัฐ และได้มีเรื่องเล่าว่าครอบครัว แมคลีน นั้นก็ได้โดนคำสาปของเพชรเช่นเดียวกันภายหลังจากการซื้อ เพชรโฮปได้ไม่นาน ลูกชายของแมคลีนก็ประสบอุบัติเหตุถูกรถคันหนึ่งชนเสียชีวิตและหลังจากนั้นในเวลาต่อมาอีกไม่กี่เดือนลูกสาวคนเดียวของแมคลีนตายเพราะกินยานอนหลับเกินขนาด และหลังจากที่ นางแมคลีนเสียชีวิตแล้ว
แมคลีนก็ได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1949 และได้มีคนมาซื้อเพชรโฮปจากเขาคือ แฮร์รี วินสตัน (Harry Winston) เป็นพ่อค้าเพชรชาวนิวยอร์ก ซึ่งซื้อเพชรมาในราคา 180000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาสะสมจนในปี ค.ศ.1958 เอดนา วินสตัน (Edna Winston) ซึ่งเป็นลูกสาวของ แฮร์รี่ วินสตัน นั้นก็ได้นำเพชรโฮปนั้นมาบริจากให้แก่สถาบันสมิทโซเนียน(Smithsonian Institution)ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งปัจจุบันนั้นเป็นที่จัดแสดงเพชรโฮป
เพชรโฮปนั้นเป็นเพชรที่มีราคาสูงและมีความสวยงามมากและยังถูกกล่าวขานว่าเป็นเพชรต้องคำสาปเนื่องจากคนใดที่ได้ครอบครองเพชรนี้ก็จะเกิดเรื่องร้ายกับตัวเองและครอบครัวทำให้เพชรเม็ดนี้เป็นที่กล่าวขานถึงคำสาปในเพชรซึ่งไม่มีที่มาเม็ดนี้ว่ามาจากที่ไหนหรือใครเป็นผู้ทำขึ้นมามีแค่คำอ้างอิงจากแหล่งต่างๆถึงที่มาของเพชรและเนื่องจากเพชรเม็ดนี้ได้ถูกเปลี่ยนจากคนนึ่งสู่อีกคนนึ่งเป็นเวลานานทำให้มีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามหรือคำสาปในเพชรเม็ดนั้น ซึ่งปัจจุบันนั้นเพชรเม็ดนี้ได้ถูกจัดแสดงไว้ที่ สถาบันสมิทโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน และถือเป็นเพชรหนึ่งเม็ดที่สวยงามระดับโลกเลย และนี้ก็ถือเป็นประวัติศาสตร์ทางวัตถุอย่างหนึ่งที่เป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน
อ้างอิง
ตำนานและประวัติของเพชรโฮป (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2559 จาก http://general.sgs.ac.th/legend.php?id=3
สุดยอดเพชร 14 เม็ด ของโลก (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559 จาก http://lc.dpim.go.th/kb/1109
4เพชรอาถรรพ์แห่งราชวงศ์ยุโรป (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อวันที่ 20 มกราคา พ.ศ.2559 จาก http://www.dek-d.com/board/view/2267462/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น