.jpg)
คงมีหลายคนที่เคยเห็นเจ้ารูปปั้นหินยักษ์ที่มีหน้าตาเหมือนมนุษย์นี้ผ่านทางทีวี รูปภาพ งานเขียน และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ หรือแม้แต่ในเกมส์ หลายคนคงสงสัยถึงความเป็นมาและอยากจะไปเห็นตัวจริงของเจ้ารูปปั้นหินยักษ์เหล่านี้
เจ้ารูปปั้นหินยักษ์นี้มีชื่อว่า “โมอาย” มีรูปร่างหน้าคล้ายกับมนุษย์ แต่ส่วนศีรษะจะมีขนาดใหญ่ เจ้ารูปปั้นหินยักษ์โมอายนี้ตั้งอยู่ที่เกาะอีสเตอร์มีจำนวนมากถึง 400 กว่าตัว โดยเกาะอีสเตอร์นี้ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เกาะอีสเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติปานุย ประเทศชิลี อยู่ห่างจากชายฝั่งชิลีไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3600 กิโลเมตร เกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยวอีกแห่งหนึ่งของโลก เพราะขนาดเกาะที่อยู่ใกล้เกาะอีสเตอร์มากที่สุดยังอยู่ห่างกันถึง 2000 กิโลเมตร เกาะแห่งนี้มีพื้นที่เพียง 160 กิโลเมตร และมีความยาวเพียง 25 กิโลเมตร แต่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาที่เกาะแห่งนี้ก็คือเจ้ารูปปั้นยักษ์โมอายนั่นเอง
รูปปั้นหินยักษ์โมอายเหล่านี้เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นโดยชาวโพลิเนเชียน โดยโมอายหนึ่งตัวจะถูกแกะสลักมาจากหินขนาดใหญ่เพียงหนึ่งก้อน เชื่อว่าหินที่นำมาแกะสลักเป็นโมอายนั้นได้นำมาจากปล่องภูเขาไฟราโนรารากูที่อยู่บนเกาะ รูปปั้นหินที่แกะสลักเสร็จจะมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ มีลักษณะเด่นอยู่ที่ศีรษะที่มีขนาดใหญ่เด่นชัด บางตัวก็มีเครื่องประดับเป็นชิ้นแยกออกมาต่างหาก มีลักษณะคล้ายหมวกหรือมวยผม เรียกว่า “ปูเกา” โดยโมอายที่แกะสลักเสร็จแล้วนั้นมีขนาดสูงใหญ่ตั้งแต่ตัวละ 3.5 เมตร ไปจนถึงขนาด 10 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่าตัวละ 80 ตัน นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพบโมอายที่ยังแกะสลักไม่แล้วเสร็จแต่ถูกทึ้งไปกลางคัน ซึ่งแต่ละตัวที่ยังแกะสลักไม่แล้วเสร็จนั้นมีความสูงถึง 21 เมตร หนักถึง 270 ตัน
รูปปั้นหินยักษ์โมอาย ถือเป็นผลงานประติมากรรมในยุคอดีตที่มีความมหัศจรรย์มาก ทั้งจากการที่แกะสลักมาจากหินขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว วิธีการสร้าง และขนาดรูปปั้นหินที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ เชื่อว่าการแกะสลักรูปปั้นเหล่านี้ต้องใช้เวลาเป็นเวลานาน และจำนวนคนเป็นจำนวนมาก ในการสร้าง หลักจากที่สร้างเสร็จแล้วก็ยังต้องเคลื่อนย้ายรูปปั้นหินยักษ์เหล่านี้ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งการขนย้ายโมอายที่มีขนาดใหญ่ยักษ์นี้ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ ไม่มีหลักฐานบอกแน่ชัดว่าชาวโพลิเนเชี่ยนมีวิธีการขนย้ายกันยังไง แต่ชาวพื้นเมืองมีความเชื่อว่ารูปปั้นโมบายเหล่านี้สามารถเดินได้
รูปปั้นโมอายแบบใส่หมวก "ปูเกา"
(ภาพจาก เว็บไซต์ :
รูปปั้นหินโมอายเหล่านี้ได้ถูกทิ้งไว้บนเกาะอีสเตอร์มาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั้งในปี ค.ศ.1722 นักเดินทางชาวดัตช์ ซึ่งเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่ได้เดินทางมาพบเกาะนี้ ค้นพบเกาะแห่งนี้ตรงกับวันอีสเตอร์ จึงได้เรียกเกาะแห่งนี้ว่าเกาะอีสเตอร์ หลังจากการสำรวจเกาะ ก็ไม่พบกับผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะนี้ แต่พบกับเหล่ารูปปั้นหินโมอายที่เรียงรายอยู่มากมายบนเกาะแห่งนี้ และในเวลาต่อมาเหล่ารูปปั้นหินโมอายเหล่านี้ก็ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น
ภาพจำลองวิธีการขนยายรูปปั้นหินโมอาย
(ภาพจาก เว็บไซต์ : http://images.nationalgeographic.com/g)
รูปปั้นหินยักษ์โมอายได้ถูกรับเลือกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยมีเหตุผลดังนี้คือ
1. เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด
2. เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
3. เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา
ในปัจจุบันนั้นมีการนำเอาโมอายมาเป็นส่วนหนึ่งในเกมส์ด้วย เช่นเกมส์ Gradius เกมส์ยานยิงยอดนิยมของค่าย Konami
อ้างอิง
โมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ (Moai Easter Island) รูปปั้นลี้ลับมาได้ไง. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557, จาก http://www.tumnandd.com/
โมไอ. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557 , จาก http://th.wikipedia.org/
ยักษ์ใหญ่ “โมอาย” รูปปั้นหินมหัศจรรย์แห่งเกาะอีสเตอร์ . (ออนไลน์) . สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557 , จาก http://www.manager.co.th/travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122366
สุวิทัส ปัญญา. 2557. โมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ (ออนไลน์) . สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557, จาก http://mate1159.blogspot.com/2013/03/blog-post_1682.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น