โดย เนติกร สุทธิประภา
ดินปืน มหันตภัยอาวุธที่นำมาซึ่งจุดจบของยุคอัศวิน ดินปืนได้ถูกนำมาใช้และพัฒนาไปในช่วงสมัยกลางตอนปลาย(Late Middle Age 1300-1500)ของยุโรป เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบฟิวดันสู่ยุคสมัยใหม่
การสู้รบในยุโรปก่อนมีดินปืนนั้น ได้ใช้อาวุธที่สำคัญ ได้แก่ ดาบ โล่ หอก สำหรับหน่วยทหารราบ มีหน่วยจู่โจมได้แก่ รถศึก ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นทหารม้าที่เคลื่อนที่ได้เร็วมาก และมีธนูกับหน้าไม้หรือเกาทัณฑ์ที่ถูกนำมาจากจีน สำหรับยิงระยะไกลในสมัยนั้น พวกนักรบที่สวมเกราะหนัก สามารถป้องกันธนูได้ แต่เคลื่อนไหวไม่คล่องตัวนัก อาวุธธนูยาวอาจต่อกรกับอัศวินเกราะหนักเหล่านี้ได้ แต่กระสุนปืนย่อมนำมาซึ่งจุดจบของเหล่าอัศวิน ในการนำปืนใหญ่มาใช้ในยุคนี้นั้น ได้แก่ ปืนใหญ่ที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง และมีความแม่นยำมาก จะเห็นได้ว่าดินปืนได้เปลี่ยนโฉมหน้าของสงครามในยุโรปไปอย่างมาก
การพัฒนาดินปืนนั้นเกิดจากความก้าวหน้าในด้านวิทยาการ 2 ด้าน คือ วิชาเคมีกับความรู้ทางการหล่อโลหะ
อาวุธดินปืนนั้นเริ่มต้นใช้ในฐานะเป็นส่วนเสริมของอาวุธดั้งเดิม เช่นใช้เป็นหม้อไฟระเบิด แต่เมื่อมีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนสามารถสร้างปืนใหญ่และปืนเล็กที่ส่งกระสุนด้วยดินปืนเอง ก็ได้เข้ามาเป็นอาวุธสำคัญมากขึ้น จนกระทั่งแทนที่อาวุธแบบดั้งเดิมทั้งหมด กลายเป็นสงครามสมัยใหม่อย่างที่เรารู้จัก
สงครามร้อยปีกับความเสื่อมถอยของระบบฟิวดัน
การเสื่อมถอยของระบบฟิวดันเกิดจากเหตุปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การขยายตัวของพาณิชย์และการธนาคาร การเกิดภัยพิบัติกาฬโรคระบาด การขยายตัวขอการศึกษา การลุกขึ้นสู้ของชาวนา และสงครามทั้งหมดนี้เกิดในช่วงสงครามร้อยปี (Hundred Years’’War 1337-1453) ระหว่างกษัตริย์อังกฤษและฝรั่งเศสที่เกี่ยวดองกัน
ข้อพิพาทพื้นฐานในสงครามร้อยปีได้แก่ ที่ดินผืนใหญ่ทั้งที่อยู่ทางตอนใต้และตอนเหนือของกรุงปารีส เป็นที่ดินเหมาะแก่การเกษตร ผลิตไวน์ ขนแกะ เป็นต้น โดยเฉพาะไวน์สำคัญในการประกอบอาหาร กรณีพิพาทนี้เกิดจากความเป็นมาห่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน กล่าวอย่างสั้นคือ กษัตริย์อังกฤษต้องการรักษาที่ดินผืนใหญ่นี้ไว้ หรือกระทั่งอ้างสิทธิ์ในการปกครองฝรั่งเศสทั้งประเทศ ขณะที่กษัตริย์ฝรั่งเศสต้องการขับไล่อิทธิพลอังกฤษออกไปจากแผ่นดิน และถ้าได้คุมผืนน้ำที่ช่องแคบอังกฤษด้วยก็ยิ่งดี
สมรภูมิของสงครามร้อยปีนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส แต่การรบพุ่งลามไปยังประเทศอื่นด้วย เช่น สเปนและอิตาลี ฝ่ายอังกฤษที่มีรัฐบาลกลางที่เข้มแข็งในตอนต้นสงครามได้มีชัยในช่วงนั้น แต่ในตอนหลังฝ่ายฝรั่งเศสที่มีประชากรมากกว่า และรบในบ้าน ไม่ต้องขนกองกำลังข้ามน้ำข้ามทะเลเหมือนอังกฤษซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในที่สุด
สงครามร้อยปียุติลงเมื่อฝรั่งเศสสามารถขับไล่อังกฤษออกจากภาคพื้นดินไปเกือบทั้งหมด และอาวุธดินปืนได้เข้ามามีบทบาทในสงครามร้อยปี จนถึงช่วงปลายของสงครามจึงได้แสดงบทชี้ขาดในการรบที่เมืองคาสติลลอน ในปี 1543 (ดูเพิ่มเติมได้จากบทความชื่อ Gunpowder Weapons of the Late Fifteenth Century ใน xenophongroup.com, 2001)
อ้างอิง
อนุช อาภาภิรม.(2555). วิทยาศาสตร์ สงคราม และอันตรายสมัยใหม่(2). สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2557. จาก http://botkwamdee.blogspot.com/2012/05/anu2sciw.html
Gunpowder Weapons of the Late Fifteenth Century.(2001).ค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2557.จาก http://www.xenophongroup.com/montjoie/gp_wpns.htm
ดินปืน มหันตภัยอาวุธที่นำมาซึ่งจุดจบของยุคอัศวิน ดินปืนได้ถูกนำมาใช้และพัฒนาไปในช่วงสมัยกลางตอนปลาย(Late Middle Age 1300-1500)ของยุโรป เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบฟิวดันสู่ยุคสมัยใหม่
การสู้รบในยุโรปก่อนมีดินปืนนั้น ได้ใช้อาวุธที่สำคัญ ได้แก่ ดาบ โล่ หอก สำหรับหน่วยทหารราบ มีหน่วยจู่โจมได้แก่ รถศึก ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นทหารม้าที่เคลื่อนที่ได้เร็วมาก และมีธนูกับหน้าไม้หรือเกาทัณฑ์ที่ถูกนำมาจากจีน สำหรับยิงระยะไกลในสมัยนั้น พวกนักรบที่สวมเกราะหนัก สามารถป้องกันธนูได้ แต่เคลื่อนไหวไม่คล่องตัวนัก อาวุธธนูยาวอาจต่อกรกับอัศวินเกราะหนักเหล่านี้ได้ แต่กระสุนปืนย่อมนำมาซึ่งจุดจบของเหล่าอัศวิน ในการนำปืนใหญ่มาใช้ในยุคนี้นั้น ได้แก่ ปืนใหญ่ที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง และมีความแม่นยำมาก จะเห็นได้ว่าดินปืนได้เปลี่ยนโฉมหน้าของสงครามในยุโรปไปอย่างมาก
การพัฒนาดินปืนนั้นเกิดจากความก้าวหน้าในด้านวิทยาการ 2 ด้าน คือ วิชาเคมีกับความรู้ทางการหล่อโลหะ
อาวุธดินปืนนั้นเริ่มต้นใช้ในฐานะเป็นส่วนเสริมของอาวุธดั้งเดิม เช่นใช้เป็นหม้อไฟระเบิด แต่เมื่อมีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนสามารถสร้างปืนใหญ่และปืนเล็กที่ส่งกระสุนด้วยดินปืนเอง ก็ได้เข้ามาเป็นอาวุธสำคัญมากขึ้น จนกระทั่งแทนที่อาวุธแบบดั้งเดิมทั้งหมด กลายเป็นสงครามสมัยใหม่อย่างที่เรารู้จัก
สงครามร้อยปีกับความเสื่อมถอยของระบบฟิวดัน
การเสื่อมถอยของระบบฟิวดันเกิดจากเหตุปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การขยายตัวของพาณิชย์และการธนาคาร การเกิดภัยพิบัติกาฬโรคระบาด การขยายตัวขอการศึกษา การลุกขึ้นสู้ของชาวนา และสงครามทั้งหมดนี้เกิดในช่วงสงครามร้อยปี (Hundred Years’’War 1337-1453) ระหว่างกษัตริย์อังกฤษและฝรั่งเศสที่เกี่ยวดองกัน
ข้อพิพาทพื้นฐานในสงครามร้อยปีได้แก่ ที่ดินผืนใหญ่ทั้งที่อยู่ทางตอนใต้และตอนเหนือของกรุงปารีส เป็นที่ดินเหมาะแก่การเกษตร ผลิตไวน์ ขนแกะ เป็นต้น โดยเฉพาะไวน์สำคัญในการประกอบอาหาร กรณีพิพาทนี้เกิดจากความเป็นมาห่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน กล่าวอย่างสั้นคือ กษัตริย์อังกฤษต้องการรักษาที่ดินผืนใหญ่นี้ไว้ หรือกระทั่งอ้างสิทธิ์ในการปกครองฝรั่งเศสทั้งประเทศ ขณะที่กษัตริย์ฝรั่งเศสต้องการขับไล่อิทธิพลอังกฤษออกไปจากแผ่นดิน และถ้าได้คุมผืนน้ำที่ช่องแคบอังกฤษด้วยก็ยิ่งดี
สมรภูมิของสงครามร้อยปีนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส แต่การรบพุ่งลามไปยังประเทศอื่นด้วย เช่น สเปนและอิตาลี ฝ่ายอังกฤษที่มีรัฐบาลกลางที่เข้มแข็งในตอนต้นสงครามได้มีชัยในช่วงนั้น แต่ในตอนหลังฝ่ายฝรั่งเศสที่มีประชากรมากกว่า และรบในบ้าน ไม่ต้องขนกองกำลังข้ามน้ำข้ามทะเลเหมือนอังกฤษซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในที่สุด
สงครามร้อยปียุติลงเมื่อฝรั่งเศสสามารถขับไล่อังกฤษออกจากภาคพื้นดินไปเกือบทั้งหมด และอาวุธดินปืนได้เข้ามามีบทบาทในสงครามร้อยปี จนถึงช่วงปลายของสงครามจึงได้แสดงบทชี้ขาดในการรบที่เมืองคาสติลลอน ในปี 1543 (ดูเพิ่มเติมได้จากบทความชื่อ Gunpowder Weapons of the Late Fifteenth Century ใน xenophongroup.com, 2001)
อ้างอิง
อนุช อาภาภิรม.(2555). วิทยาศาสตร์ สงคราม และอันตรายสมัยใหม่(2). สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2557. จาก http://botkwamdee.blogspot.com/2012/05/anu2sciw.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น