โดย ณัฐนิชา หลิมบุญงาม
เมื่อกล่าวถึงสิ่งก่อสร้างที่หรูหรา และงดงาม หลายคนคงนึกถึง พระราชวังแวร์ซายส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยที่สุดก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แสดงถึงศิลปะในยุคที่ก่อสร้างขึ้นได้อย่างชัดเจน จึงมีความงดงามที่ทำให้ผู้เยี่ยมชม มีความตราตึงใจในสถานที่แห่งนี้และพระราชวังแวร์ซายส์ยังเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกปัจจุบันอีกด้วย
พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ในอดีตนั้นเมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นโดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น ในสมัยนั้นกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงย้ายที่ประทับอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางการปกครองแต่พระองค์ไม่เคยประทับอยู่ที่ใดนานเกิน 1-2 เดือน พระองค์เสด็จไปทุกแห่งเพื่อทำความรู้จักผู้คนในแต่ละท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบสถานการณ์บ้านเมืองและเพื่อยืนยันพระราชอำนาจ
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสขึ้นครองบัลลังก์ ทรงมีพระประสงค์ที่จะสร้างพระราชวัง แห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองเมื่อพระราชวังแวร์ซายส์สร้างเสร็จ ผู้คนยุคนั้นกล่าวว่ากษัตริย์ประทับที่พระราชวังแวร์ซายส์ตลอดเวลา พระราชวังแวร์ซายส์ มีรูปแบบของศิลปะและสถาปัตยกรรมเป็นแบบบาโรค-รอคโคโค เป็นรูปแบบที่พัฒนาสืบต่อจากสถาปัตยกรรมในยุคเรอเนสซองส์ ขนาดของสิ่งก่อสร้างก็มักจะออกแบบให้มีลักษณะแบบเดียวกัน คือ ให้มีขนาดกว้างขวาง เพดานสูงโปร่ง มีการเพิ่มเติมโครงสร้างส่วนประกอบและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมเข้าไป ทำให้เปลี่ยนจากความเรียบง่ายมั่นคง มาสู่ความหรูหรา แพรวพราวและดูเคลื่อนไหว มีการใช้โครงสร้างของเส้นโค้งและเส้นคด แสดงความเคลื่อนไหวมากขึ้น
ฝาผนังประดับลวดลายปูนปั้นวิจิตรบรรจง มีศิลปวัตถุที่ล้ำค่าอยู่ภายใน เช่น ภาพวาดสีน้ำมันประดับกรอบสีทอง เครื่องกระเบื้องเคลือบประดับด้วยทองคำ หรือเครื่องแก้วเจียระไนประดับด้วยทองคำ ทุกส่วนของพระราชวังแวร์ซายส์ทำด้วยหินอ่อนสีขาว ภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง รวมถึงมีภาพวาดและภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัย ในบรรดาห้องต่างๆของพระราชวังแวร์ซายส์ ห้องที่มีความงดงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ห้องกระจก ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วย กระจกยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายส์อันสวยงาม ตำแหน่งของกระจกแต่ละบานจะอยู่ตรงข้ามกับหน้าต่างโดยจัดให้มีความสมมาตรกัน เป็นลักษณะหน้าต่าง 1 บานต่อกระจก 1 บาน ใช้หน้าต่างและกระจกขนาดเดียวกัน ห้องนี้เป็นห้องที่แสดงให้เห็นว่า “คุณอยู่ส่วนบนของระบบชนชั้น” หมายถึง คุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ ร่ำรวย หรือมีอำนาจมาก กระจกในยุคสมัยนั้นเป็นวัสดุที่ทำขึ้นยากมาก ทำให้ราคาสูงเท่ากับทองคำ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ห้องนี้มีชื่อเสียงมากจนกระทั่งปัจจุบัน ที่ห้องกระจกแห่งนี้เคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้เงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม หากนับเวลาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้มีอายุยืนนานถึง 300 ปีเศษ และยังคงความงามอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลาย แม้ได้เห็นเพียงภาพถ่าย ก็สร้างความประทับใจ เกิดความหลงใหลหลงใหล และอยากไปชื่นชมความงดงามของพระราชวังแวร์ซายส์สักครั้งในชีวิต
อ้างอิง
ปรียานุช จิตเลิศ.(2555). ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2557 จาก http://khaofangpebble.blogspot.com/2013/06/blog-post_14.html
Tangkwa Srithongkul . (2555). พระราชวังแวซายน์ มรดกโลกตะวันตก (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2557 จาก http://deversailles.blogspot.com/2012/09/blog-post.html
เมื่อกล่าวถึงสิ่งก่อสร้างที่หรูหรา และงดงาม หลายคนคงนึกถึง พระราชวังแวร์ซายส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยที่สุดก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แสดงถึงศิลปะในยุคที่ก่อสร้างขึ้นได้อย่างชัดเจน จึงมีความงดงามที่ทำให้ผู้เยี่ยมชม มีความตราตึงใจในสถานที่แห่งนี้และพระราชวังแวร์ซายส์ยังเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกปัจจุบันอีกด้วย
พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ในอดีตนั้นเมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นโดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น ในสมัยนั้นกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงย้ายที่ประทับอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางการปกครองแต่พระองค์ไม่เคยประทับอยู่ที่ใดนานเกิน 1-2 เดือน พระองค์เสด็จไปทุกแห่งเพื่อทำความรู้จักผู้คนในแต่ละท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบสถานการณ์บ้านเมืองและเพื่อยืนยันพระราชอำนาจ
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสขึ้นครองบัลลังก์ ทรงมีพระประสงค์ที่จะสร้างพระราชวัง แห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองเมื่อพระราชวังแวร์ซายส์สร้างเสร็จ ผู้คนยุคนั้นกล่าวว่ากษัตริย์ประทับที่พระราชวังแวร์ซายส์ตลอดเวลา พระราชวังแวร์ซายส์ มีรูปแบบของศิลปะและสถาปัตยกรรมเป็นแบบบาโรค-รอคโคโค เป็นรูปแบบที่พัฒนาสืบต่อจากสถาปัตยกรรมในยุคเรอเนสซองส์ ขนาดของสิ่งก่อสร้างก็มักจะออกแบบให้มีลักษณะแบบเดียวกัน คือ ให้มีขนาดกว้างขวาง เพดานสูงโปร่ง มีการเพิ่มเติมโครงสร้างส่วนประกอบและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมเข้าไป ทำให้เปลี่ยนจากความเรียบง่ายมั่นคง มาสู่ความหรูหรา แพรวพราวและดูเคลื่อนไหว มีการใช้โครงสร้างของเส้นโค้งและเส้นคด แสดงความเคลื่อนไหวมากขึ้น
ฝาผนังประดับลวดลายปูนปั้นวิจิตรบรรจง มีศิลปวัตถุที่ล้ำค่าอยู่ภายใน เช่น ภาพวาดสีน้ำมันประดับกรอบสีทอง เครื่องกระเบื้องเคลือบประดับด้วยทองคำ หรือเครื่องแก้วเจียระไนประดับด้วยทองคำ ทุกส่วนของพระราชวังแวร์ซายส์ทำด้วยหินอ่อนสีขาว ภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง รวมถึงมีภาพวาดและภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัย ในบรรดาห้องต่างๆของพระราชวังแวร์ซายส์ ห้องที่มีความงดงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ห้องกระจก ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วย กระจกยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายส์อันสวยงาม ตำแหน่งของกระจกแต่ละบานจะอยู่ตรงข้ามกับหน้าต่างโดยจัดให้มีความสมมาตรกัน เป็นลักษณะหน้าต่าง 1 บานต่อกระจก 1 บาน ใช้หน้าต่างและกระจกขนาดเดียวกัน ห้องนี้เป็นห้องที่แสดงให้เห็นว่า “คุณอยู่ส่วนบนของระบบชนชั้น” หมายถึง คุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ ร่ำรวย หรือมีอำนาจมาก กระจกในยุคสมัยนั้นเป็นวัสดุที่ทำขึ้นยากมาก ทำให้ราคาสูงเท่ากับทองคำ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ห้องนี้มีชื่อเสียงมากจนกระทั่งปัจจุบัน ที่ห้องกระจกแห่งนี้เคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้เงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม หากนับเวลาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้มีอายุยืนนานถึง 300 ปีเศษ และยังคงความงามอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลาย แม้ได้เห็นเพียงภาพถ่าย ก็สร้างความประทับใจ เกิดความหลงใหลหลงใหล และอยากไปชื่นชมความงดงามของพระราชวังแวร์ซายส์สักครั้งในชีวิต
อ้างอิง
ปรียานุช จิตเลิศ.(2555). ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2557 จาก http://khaofangpebble.blogspot.com/2013/06/blog-post_14.html
Tangkwa Srithongkul . (2555). พระราชวังแวซายน์ มรดกโลกตะวันตก (ออนไลน์) สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2557 จาก http://deversailles.blogspot.com/2012/09/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น