ปอมเปอี (Pompeii) สุสานแห่งความเจริญรุ่งเรือง

โดย ฐาปนี รอดคำวงศ์

ก่อนที่เมืองปอมเปอีจะจมหายไปตลอดกาลจากเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียส ในปี ค.ศ. 79 ซึ่งเป็นเวลา 1500 ปี กว่าที่เมืองปอมเปอีจะถูกค้นพบ ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองเมืองหนึ่งของอาณาจักรโรมันและถือเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวโรมัน ตัวเมืองมีการวางผังเมืองเป็นระเบียบ มีสาธารณูปโภคที่ขึ้นชื่อและวิหารบูชาเทพเจ้ามากมาย อารยธรรมเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในอดีตได้เป็นอย่างดี


House of the Faun ที่เมือง Pompeii – ที่พักที่ร่ำรวยที่สุดของปอมเปอี

ปอมเปอี (Pompeii) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเนเปิลส์ ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ตัวเมืองมีการสร้างกำแพงล้อมรอบและมีการวางผังเมืองอย่างดี ถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามคล้ายภาพวาดเพราะตั้งอยู่ริมอ่าวเมเปิ้ลและเป็นเมืองที่มีภูเขาใหญ่ มีต้นไม้ซึ่งก็คือ ภูเขาไฟวิสุเวียส เอกลักษณ์ของเมืองนี้คือ ชาวโรมันที่มีฐานะร่ำรวยมักสร้างบ้านพักตากอากาศตามชายฝั่งทะเลและเชิงเขาวิซูเวียสเพื่อเข้ามาพักผ่อนในฤดูร้อนจนทำให้กลายเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวโรมัน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนทำการค้าขาย ทำไร่องุ่นและผ้าขนสัตว์รวมทั้งสินค้าหัตถกรรมมากมาย ทำให้เมืองปอมเปอีกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เห็นได้จากในเมืองมีอาคารสาธารณะต่างๆ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น โรงอาบน้ำ โรงละคร ฟอรัมเมืองปอมเปอี ที่นับว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง มีตลาด ที่ทำการของรัฐและเทวสถานหลายแห่ง เช่น เทวสถานจูปีเตอร์ เทวสถานอพอลโล ฟอรัมแห่งนี้นับว่ามีความใหญ่โตมากที่สุดแห่งหนึ่งของอาณาจักรโรมันโบราณ โดยเวลานั้นมีประชากรอาศัยอยู่ราว 20,000 คน


ร่างปูนปลาสเตอร์ที่อยู่ในท่าทางใช้มือปิดปากปิดจมูก

จนเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.79 ขณะที่ชาวเมืองกำลังจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งไฟอยู่นั้น ภูเขาไฟวิซูเวียสเกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. เกิดฝุ่นควันและก๊าซพิษจำนวนมหาศาลถูกพ่นออกมาประกอบกับกระแสลมที่พัดพามันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งอยู่ใกล้เมืองปอมเปอีพอดี เมืองจึงได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟระเบิดอย่างมาก ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีท้องฟ้าทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันและเกิดท้องฟ้ามืดไปทั้งเมือง ไม่นานนักเศษดินและหินที่ลอยออกมากับฝุ่นควันก็เริ่มจับตัวกันแล้วเริ่มร่วงลงมาสู่เมืองปอมเปอี มีชาวเมืองจำนวนมากที่พยายามหนีออกจากเมืองและบางส่วนไปหลบในบ้านหรือในสถานที่ส่วนรวมแต่มีไม่มากนักที่รอดชีวิต ชาวปอมเปอีจำนวนมากหายใจไม่ออกเพราะ สำลักก๊าซพิษที่ภูเขาไฟพ่นออกมาหรือหินพัมมิซตกลงใส่หัวจนล้มลงหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด

เช้าของวันที่ 25 วิซูเวียสระเบิดแรงขึ้น แรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดคลื่นแรงในทะเลซัดพังสร้างความเสียหายแก่บ้านพักตากอากาศหลายหลัง  วันต่อมาการระเบิดยังคงมีอยู่แต่เบาลงกว่าสองวันแรก แต่ก็เกิดฝนตกลงมาบริเวณลาดเขาซึ่งเต็มไปด้วยเถ้าถ่านที่ร้อนจัดทำให้น้ำฝนผสมกับเถ้าถ่านกลายเป็นโคลนเดือดไหลลงมากลบเมืองเฮอร์คิวเลเนียม ทำให้เมืองนี้ถูกฝังอยู่ใต้หินและมีชาวเมืองหลายร้อยคนเสียชีวิตแต่เป็นเพียงส่วนน้อยเพราะ ส่วนใหญ่ได้อพยพออกไปก่อนแล้ว  การระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสไม่เหมือนกับการระเบิดของภูเขาไฟทั่วไปแต่เป็นการระเบิดครั้งนี้เป็นแบบพลิเนียนจึงมีหินภูเขาไฟตกลงมาราวกับฝนและก้อนหินที่ค่อยๆทับถมเมืองปอมเปอีกับผู้คนที่อยู่ภายในเมืองนับหมื่นให้จมลงพร้อมกัน

การขุดซากเมืองปอมเปอี เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1784 โดยตระกูลบูร์บง จนในปี 1860 กุยเซปเป ฟีโอเรลลี พบวิธีการสำรวจซากเมืองปอมเปอี คือ การเจาะรูเข้าไปในโพรงขี้เถ้าและเทปูนพลาสเตอร์ลงไป รอให้แห้งแล้วขุดขึ้นมาทำให้เห็นท่าทางสุดท้ายของชาวเมืองจำนวนมากที่เสียชีวิตภายใต้เศษเถ้าจากภูเขาไฟท่วมทับ มีบางคนอยู่ในท่าทางคล้ายกับกำลังสวดมนต์และมีหลายรายที่อยู่ในอาการใช้มือปิดปากปิดจมูก  นอกจากนี้ยังพบทรัพย์สินที่อยู่ข้างกายของผู้เสียชีวิตซึ่งบ่งบอกฐานะทางสังคมของแต่ละคน เช่น โครงกระดูกที่มีตุ้มหูหรือสร้อยทองคำ ส่วนทาสสามารถสังเกตได้จากโซ่ที่ล่ามข้อมือไว้ เป็นต้น เนื่องจากมีการขุดค้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 1760 ทำให้เปิดสิ่งที่ทับถมออก ทำให้เห็นสภาพเมืองทั้งถนนและอาคาร บ้านเรือนต่างๆ เช่น คฤหาสน์ วิหารเทพเจ้าจูปิเตอร์และอพอลโล ลานจัตุรัสฟอรัมที่เป็นศูนย์กลางของเมืองซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองปอมเปอี

บางแหล่งก็กล่าวไว้ว่า เหตุที่เมืองปอมเปอีต้องเจอกับเหตุการณ์น่าสลดใจเช่นนี้ นั่นเพราะเป็นเมืองคนบาปที่ถูกพระเจ้าลงโทษ แม้ว่าในเมืองจะเต็มไปด้วยวิหารบูชาเทพเจ้าแต่ก็น่าเศร้าที่เทพเจ้าไม่สามารถที่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากเหตุการณ์นี้ได้เลยแม้แต่น้อย นี่เป็นที่สิ่งที่เตือนใจทุกคนในเรื่องความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต เราไม่มีวันรู้ตัวล่วงหน้าว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรกับเรา บางทีอาจประสบชะตากรรมเดียวกันกับเหตุการณ์ปอมเปอีในอดีตก็เป็นได้

ปัจจุบันเมืองปอมเปอีได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโกตั้งแต่ปี 1997 และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอิตาลี นับได้ว่าเป็นเมืองโรมันโบราณแห่งหนึ่งของโลกที่แม้ว่าจะมีอายุเก่าแก่แต่สถาปัตยกรรมต่างๆ กลับคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก


อ้างอิง

กระปุกดอทคอม.(2559). ปอมเปอี ประวัติ โศกนาฏกรรมแห่งเมืองภูเขาไฟ อิตาลี (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563, จาก : https://hilight.kapook.com/view/

ไทยรัฐออนไลน์.(2557). มหาวิบัติปอมเปอี (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563, จาก : https://www.thairath.co.th/content/403745

JINTANA.(2557). สุสานแห่งความเจริญรุ่งเรือง “ปอมเปอี” (Pompeii)1 (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์   2563, จาก : https://bit.ly/38g4WJ5

Travel.trueid. (2559). ปอมเปอี นครแห่งความตาย เปิดกรุ สุสานใต้ลาวา (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 9   กุมภาพันธ์ 2563, จาก : https://bit.ly/2tMpRob
     
                                                                   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น