น้อยคนนักที่จะรู้จักกับศาสนาคริสต์นิกายมอรมอนเพราะว่าศาสนาคริสต์ได้แตกออกเป็นหลายนิกาย โดยจุดเด่นของนิกายนี้คือ พระคัมภีร์มอรมอน ซึ่งถูกแปลโดยศาสดาโจเซฟ สมิธ มอรมอนเป็นนิกายที่แตกต่าง เพราะไม่มีบาทหลวง ไม่มีนักบวช และไม่มีโป๊ป และมีคัมภีร์มอรมอนเป็นของตัวเอง จึงเกิดคำถามขึ้นว่าเพราะเหตุใดนิกายนี้จึงเติบโตได้ เรามาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์นิกายมอรมอนกันเถอะค่ะ
พระคัมภีร์มอรมอน
ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์ มีกำเนิดขึ้นในช่วงปลายของสมัยโรมัน โดยมีศาสดาคือพระเยซูคริสต์ หลังจากนั้นประมาณ 300 ปีอาณาจักรโรมันต่อต้านศาสนาคริสต์อย่างรุนแรงและมีคำทำนายว่าจะมีทารกเกิดใหม่ที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือกษัตริย์ จึงมีการฆ่าเด็กทารก และต่อมาเมื่อพระเยซูเติบโตท่านก็ได้สอนศาสนาให้กับผู้คนมากมายซึ่งขัดกับหลักความเชื่อในสมัยนั้น มีการใส่ร้ายจนนำไปสู่การประหารพระเยซูคริสต์ในที่สุด ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 มีจักรพรรดิคอนสตันไทน์ที่ 1 นับถือศาสนาคริสต์และได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ถูกกฎหมายในปีคริสตศักราช 313 ตามพระราชกฤษฎีกาแห่งมิลาน
จักรพรรดิ คอนตันไทน์ที่ 1
ในปีคริสต์ศักราช 394 เมื่อโรมันล่มสลายศาสนาก็เข้ามามีบทบาทในยุโรปทั้งเรื่องการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ชาวยุโรปจึงมีความเคร่งคัดทางศาสนาและมีศรัทธาในคริสตจักรอย่างมาก หากผู้ใดทำผิดก็จะถูกไต่สวนและลงโทษโดยศาสนาจักร และคริสตจักรยังมีอำนาจเหนือกษัตริย์
ในปีคริสตศักราช 476 เศรษฐกิจตกต่ำการเมืองและวัฒนธรรมก็เช่นกันจึงเรียกยุคนี้ว่ายุคมืดแต่ก็มีการสร้างอารยธรรมใหม่เกิดขึ้นมากมายโดยศาสนาจักรมีอำนาจมากที่สุดและเกิดความขัดแย้งทางศาสนาสืบเนื่องมาจากการปฏิรูปทางศาสนาในยุคกลางของตะวันตกซึ่งนำโดย มาร์ติน ลูเทอร์ โดยมูลเหตุที่ทำให้เกิดการปฏิรูปคือการไม่เห็นด้วยกับการที่ศาสนาคริตส์นิกายแคทรอลิคออกมาขายใบไถ่บาปเพื่อสร้างพระวิหารเซนปีเตอร์ จึงเกิดการประท้วงและมีการกำเนิดนิกายโปแตสแตนท์ินับตั้งแต่นั้นก็ได้มีนิกายเกิดใหม่หลายนิกาย และนิกายมอรมอนก็แตกออกมาอีกที ก่อตั้งโดย โจเซฟ สมิธ ในปีคริสตศักราช 1820
ศาสดาโจเซฟ สมิธ ผู้แปลพรคัมภีร์มอรมอนและผู้ก่อตั้งมอรมอน
ที่มา : https://www.lds.org/
เอาล่ะค่ะเดี๋ยวเรามาทำความรู้จักต้นกำเนิดของชาวมอรมอนกันดีกว่า หลังจากเกิดการปฏิรูปศาสนาจนทำให้มีนิกายหลายนิกายกำเนิดใหม่ความเลื่อมใสในศาสนาได้แพร่กระจายไปทั่ว ในขณะนั้นโจเซฟ สมิธ มีอายุเพียง 14 ย่างเข้า 15 ปี ครอบครัวของท่านค่อนข้างเคร่งศาสนา ท่านได้เข้ารวมฟังคำสอนของนิกายต่างๆโดยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างบอกว่านิกายตนนั้นถูกต้องจนบาทหลวงของแต่ละนิกายทะเลาะกัน ซึ่งท่านรู้สึกว่ามันไม่จริง จนกระทั่งวันหนึ่งท่านรู้สึกสับสนอย่างมากท่านจึงอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลและสวดอ้อนวอนอย่างหนัก จนท่านได้ไปอ่านเจอข้อความหนึ่งในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ในหนังสือพันธะสัญญาใหม่
แมททิว บทที่ ข้อที่ 7-8 กล่าวว่า
7 “จงขอแล้วเจ้าจะได้ จงหาแล้วเจ้าจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน”
8 “เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้แก่เขา”
หลังจากนั้น โจเซฟ สมิธ ก็เข้าไปในป่าเพื่อสวดอ้อนวอนทูลถามพระเจ้าต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและความสับสนของท่าน กล่าวกันว่าในขณะที่ท่านสวดอ้อนวอนได้มีแสงสว่างปรากฎและสิ่งที่มาประกฏต่อหน้าท่านเห็นคือ พระบิดา พระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มาปรากฎเพื่อตอบคำถามและมอบหมายงานให้แก่ท่าน พระเจ้าเลือกท่านมาเป็นผู้ฟื้นฟูคำสอนหลังจากเกิดการละทิ้งความเชื่อมาเป็นเวลานาน เมื่อวันที่คริสตศักราช 1823 เทพโมโรไนมาปรากฎต่อท่านบอกถึงงานที่ท่านต้องทำ 4 ปีต่อมาเทพโมโรไนมาปรากฎต่อท่านและมอบแผ่นจารึกทองคำให้แก่ท่านเมื่อค้นพบว่าแผ่นจารึกถูกฝังไว้เนินใกล้บ้านของ ท่านนำแผ่นจารึกออกมาเพื่อเริ่มแปล
พระบิดาและพระเยซูมาปรากฎต่อ โจเซฟ สมิธ
ที่มา https://www.lds.org/
เมื่อข่าวเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว ท่านก็ต้องย้ายไปเมืองอื่นเพราะมีคนพยายามขโมยพระคัมภีร์ต้นฉบับงานแปลถูกขโมยไป 116 หน้า โดยคนที่ขโมยไปนั้นคือคนที่ช่วยท่านแปลพระคัมภีร์ไปในตอนแรก ซ้ำยังโดนคนกล่าวหาว่าหลอกลวงและเป็นคนบ้าท่านจึงเริ่มสวดอ้อนวอนอย่างหนักอีกครั้ง พระเจ้าได้ทรงได้ประทานพรด้านการแปลให้โจเซฟ สมิธ และได้จัดพิมพ์ออกมาโดยมีเพื่อนและครอบครัวช่วยเหลือและและพระคัมภีร์ได้ออกสู่สาธารณะชนครั้งแรกในวันที่ 6 มีนาคม คริสตศักราช 1830 และวันที่ 6 เมษาในปีเดียวกันพระคัมภีร์เผยแพร่ออกมาก็มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยโดยศาสดาโจเซฟ สมิธและพักพวกของท่านต้องหลบหนีเพราะมีคนไล่ล่าหมายเอาชีวิตท่านโดยเป็นคำสั่งจากผู้ว่าการรัฐมีซูรี สุดท้ายท่านได้เสียชีวิตพร้อมกับพี่ชายของท่านในคุกที่เมืองคาร์เทจ รัฐอิลลินอยส์ และหลังจากนั้นก็มีคนเผยแพร่พคำสอนต่อๆไป
สุดท้ายแล้ว หลายคนเข้าใจว่าการที่เข้ามาเป็นมิสชันนารีหรือผู้สอนศาสนานั้นคือ ศาสนาจักรจ้างพวกเขาให้เข้ามาทำการเผยแผ่ศาสนา แต่ความจริงแล้วคือ พวกเขาอาสาเข้ามารับใช้เอง โดยใช้ทุนของตัวเอง ผู้ชายจะใช้เวลาอยู่ในมิชชั่นนานกว่าผู้หญิง ในขณะที่ผู้ชายอยุูในมิชชัน 2 ปีแต่ ผู้หญิงจะอยู่ในมิชชัน 1 ปี 6 เดือน เนื่องจากผู้ชายมีอำนาจฐานะปุโรหิตที่ผู้หญิงไม่มีและมีความเข้มแข็งกว่าผู้หญิง จึงทำให้ผู้ชายอยู่ในมิชชั่นนานกว่าเมื่อครบตามเวลาที่กำหนดผู้สอนก็กลับบ้านของพวกเขา
ปัจจุบันอัครสาวกผู้ถูกเลือกจากการสวดอ้อนวอนก็ได้ทำตามคำสอนของโจเซฟ สมิธมาเรื่อยๆ จนคำสอนได้แผ่ก็กระจายไปทั่วโลกและเติบโตจนมาถึงปัจจุบัน
อ้างอิง
พระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่า เรื่องโจเซฟ สมิธ ประวัติ จัดพิมพ์โดยศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง
วิสุทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท์เลคซิตี้, รัฐยูทาห์, สหรัฐอเมริกา 2010.
พระคัมภีร์ไบเบิ้ล พันธะสัญญาใหม่ แมธทิว7 ; 7-8 จัดพิมพ์โดยศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายซอลท์เลคซิตี้, ยูทาห์, สหรัฐอเมริกา.
หนังสือคำสอนของประธานศาสนาจักร โจแซฟสมิธ จัดพิมพ์โดยศาสนาจักรของพระเยซูคริสแห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท์เลคซิตี้, ยูทาห์,สหรัฐอเมริกา 2007.
หนังสือรากฐานการฟื้นฟู คู่มือครู จัดพิมพ์โดยศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายซอลท์เลคซิตี้, ยูทาห์, สหรัฐอเมริกา.
จักรรพรรดิคอนตันไทน์ที่1. สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2561, จาก : https://th.m.wikipedia.org/wiki/จักรพรรดิคอนสตันไทน์มหาราช
ต้นกำเนิดศาสนาคริสตร์ สืบค้นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2561, จาก : https://th.m.wikipedia.org/wiki/พระเยซู