หน้าเว็บ

หัวข้อย่อย

ยุคสมัยของอารยธรรม

2 ก.พ. 2557

เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci)

โดย เบญจพร โคกแปะ

ในยุคสมัยฟื้นฟูศิลปะนั้น หากกล่าวถึงอัจฉริยะบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย คงไม่มีใครไม่รู้จัก เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) ที่มีความสามารถทั้งด้านสถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ ซึ่งความสามารถที่เก่งรอบดด้านของเขานั้นสามารถเป็นประโยชน์ต่อหลายๆศาสตร์ มีผลต่อวิวัฒน์การของแต่ศาสตร์จนถึงปัจจุบัน นับเป็นบุคคลสำคัญของโลก

เลโอนาร์โด ดาวินชี (อิตาลี: Leonardo da Vinci)เกิดในสมัยที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่ายุคเรอเนซองซ์ (Renaissance) หรือที่แปลเป็นไทยกันว่า “ยุคฟื้นฟู” เป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองในวิทยาการและศิลปวัฒนธรรม ซึ่งในอิตาลี เป็นยุคที่ปัญญาชนทั้งหลายหวนกลับไปศึกษาภูมิปัญญายุคคลาสสิกของกรีกและโรมันเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของมนุษย์ให้สุดศักยภาพ จนเกิดเป็นกระแสแนวคิด “มนุษยนิยม” หรือฮิวแมนนิสม์ (humanism) ขึ้น  เลโอนาร์โด ดาวินชีเป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452ในแคว้นคัสทานี  เป็นบุตรของ นายแซร์ ปีเอโร ดาวินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ (นักกฎหมาย)  กับนางคาตารีนา  เป็นสาวชาวนา เคยมีคนอ้างว่านางคาตารีนาเป็นทาสสาวจากประเทศแถบตะวันออกในครอบครองของปีเอโรเลโอนาร์โด ดาวินชี เขาแสดงพรสวรรค์ของเขาออกมาตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยการวาดภาพและสนใจในวิทยาศาสตร์

ในปี ค.ศ.1469 เลโอนาร์โด ดาวินชี และพ่อได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองฟอเรนส์ เขาใช้เวลา12 ปี ในการศึกษาเรียนรู้ด้านศิลปะศาสตร์ เป็นลูกมือให้กับจิตรกรรมชื่อดังในเมือง ชื่อ อังเดย์เรลลีน็อตคิโอ ดาวินชีเขามีส่วนช่วยวาดภาพที่สำคัญของเรลลีน็อตคิโอ คือภาพ พระเยซูรับศีลจุ่ม  ซึ่งเขาได้วาดเทวดาด้านซ้ายมือของภาพ แสดงออกถึงพรสวรรค์อันเป็นเลิศของดาร์วินชี  หลังจากนั้นไม่นานดาร์วินชีก็สำเร็จการศึกษา เขาตั้งใจค้นคว้าวิธีการวาดภาพแบบใหม่ ให้สมจริงมากที่สุด โดยการวาดภาพสามมิติ เขาเปรียบมุมหลากหลายมุมเพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงที่สุด ทำให้เขาสนใจในวิทยาศาสตร์และเลขาคณิตเป็นอย่างมาก  ดาร์วินชี มีหัวใจของนักวิจัยโดยแท้จริง เขาพยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่ศึกษาและถ่ายทอดตามความเป็นจริง   ทำให้การศึกษาศาสตร์ทางศิลปะเพียงศาสตร์เดียวไม่เพียงพอสำหรับเขา ทำให้เขาศึกษา ทั้งทางธรณีวิทยา เรขาคนิต ดนตรี สถาปนิก วิศวกร และที่เด่นที่สุดคือ กายวิภาคศาสตร์และศิลปะ เขาพยายามใช้ความสามารถในการวาดภาพของเขาวาดความรู้ที่เขาค้นพบในศาสตร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กายวิภาคศาสตร์ ที่เขาวาดอวัยวะต่างๆเสมือนจริงและยังเป็นประโยชน์ต่อสาขาวิชานั้นอีกด้วย

ในปี ค.ศ.1478 เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้วาดภาพให้กับ พาลาสโซ เวคชีโอ ในเมืองฟลอเรนสซ์ เป็นภาพการนำของมาถวายแด่พระกุมาร โดยนักปราชย์ทั้งสาม จากทิศบูรพา แต่งานนี้ก็ต้องหยุดชะงักไป เพราะลีโอนาโดได้ตัดสินใจออกจากฟลอเลนซ์ เพื่อไปยังมิลาน เมื่อปี ค.ศ.1482 และได้ไปทำงาน ให้กับท่านดยุ๊คโลโดวิโก สฟอร์ซา ซึ่งในตอนนี้ลีโอนาโดก็มีอายุได้ 18 ปีพอดี ถึงแม้ว่าจะต้องทำงานให้กับราชสำนัก ด้วยการเขียนภาพเหมือน การจัดงานแสดง รวมทั้งสร้างรูปจำลองของบิดาของท่านดยุ๊ค ในท่าทรงม้าด้วยก็ตาม แต่ลีโอนาโด ก็ยังทุ่มเทความสนใจให้กับเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานศิลปะด้วย เขาได้เพิ่มพูนความรู้ทางด้านกลศาสตร์ให้กับตนเอง โดยการทำงานเป็นวิศวกรให้กับฝ่านพลเรือน และฝ่ายทหาร จากนั้นเริ่มศึกษาค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยเน้นทางด้าน กายวิภาค ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และฟิสิกข์ และแม้ว่าลีโอนาโดจะให้ความสนใจ ในหลายสิ่งหลายอย่างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดงานเขียนชิ้นที่สำคัญที่สุดไปได้ นั่นก็คือ การเขียนภาพ "อาหารค่ำมื้อสุดท้าย" ( The Last Supper ) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ต่อมาในปี ค.ศ.1483ดาร์วินชี ได้เข้าทำงานให้กับมิลาน เขาออกแบบป้อมปราการและอาวุธรบที่สำคัญ รวมถึงรูปปั้นม้า ชื่อ เดอะเกรซฮอต  และเขายังออกแบบคลองและประตูน้ำ ซึ่งบางแห่งยังมีการดูแลรักษาจนถึงปัจจุบัน  ในปี ค.ศ.1499 กองทัพฝรั่งเศสได้รุกเข้ายึดครองเมืองมิลาน ทำให้ เลโอดาโด ดาร์วินชีหลุดจากตำแหน่ง และเดินทางกลับ ฟอเรส  ในขณะนั้นเขาประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้เขารับจ้างวาดภาพหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อ โมนาลิซ่า เขาใช้เทคนิคการวาดภาพแบบใหม่ เรียกว่า การวาดภาพสีม่านหมอก โดยไม่มีเส้นตัด และใช้การลงสีอย่างเบาบาง ที่ทำให้ภาพสมจริงมากขึ้น เขาตั้งใจวาดส่วนมุมปากและหางตาให้ไม่มีความชัดเจน ให้กลมกลืนกับแสงและเงา จนเกิดรอยยิ้มปริศนาของภาพ  ในขณะนั้นเองเขาก็พัฒนาความรู้ด้าน กายวิภาคศาสตร์ ศึกษาโดยการผ่าศพนักโทษ หลายสิบศพ เพื่อศึกษา อวัยวะต่างๆของมนุษย์ และใช้ความสามารถด้านการวาดภาพ ถ่ายทอดความรู้อย่างละเอียด  เขาค้นพบหลายสิ่งที่ไม่มีเขาเคยรู้มาก่อน เช่น ไส้ติ่ง ต่อมาไม่กี่ปี ดาร์วินชี ถูกสั่งไม่ให้ผ่าศพ เนื่องจากเขาไม่ใช่แพทย์ ทำให้เขาต้องศึกษากายวิภาค กับสิ่งมีชีวิตอื่น เช่นหมู ทั้งนี้ยังมีผลงานอีกมากมายที่เขาได้สร้างสรรค์ งานศิลปะที่สำคัญๆเอาไว้มากมาย ตัวอย่างเข่น ภาพเขียนบนฝาผนังในเรื่องของ สงคราม ( Battle of Anghiari ) ซึ่งเขียนติดไว้ที่ห้องโถงของสภาในตัวเมือง รูปโมนาลิซ่า (Portrait of Mona Lisa) อันเลื่องชื่อ และภาพของการหายไปของเลด้าและหงส์ ( Lost Leda and The Swan ) หลายร้อยปีผ่านไป ผลงานของเขาจึงได้รับความสนใจและเผยแพร่โด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะสาขากายวิภาคศาสตร์

เลโอนาร์โด ดาวินชีนับได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลก เป็นเสมือนผู้วางรากฐานศาสตร์หลายๆให้กับโลก จากผลงานของเขาก็ทำให้โลกเกิดสิ่งต่างๆมากมาย ซึ่งหากโลกไม่มีอัจฉริยะบุคคลเช่นเขา ศาสตร์หลายๆคงไม่พัฒนามาถึงปัจจุบัน

อ้างอิง

บ้านนี้ที่แท้จริง(2553).เลโอนาร์โด ดาวินชี(Leonardo da Vinci).สืบค้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557     เข้าถึงโดย http://group.wunjun.com/agaligohome/topic/216366-5746

นิ่มนิ่ม น้ามจิ่มเป็ด(2556). ดาวินชี่ กายวิภาคศาสตร์. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557 เข้าถึงโดย http://www.youtube.com/watch?v=NwrhYfLztl4


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น