หน้าเว็บ

หัวข้อย่อย

ยุคสมัยของอารยธรรม

22 ธ.ค. 2561

ที่มาของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในยุคนาซี

โดย ทิตาวีร์  การรัมย์

นาซีหรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า พรรคชาติสังคมนิยม ซึ่งชื่อนี้เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคนาซีในประเทศเยอรมัน โดยมีผู้นำคนสำคัญชื่อ  อดอฟ  ฮิตเลอร์ เขาเป็นนักการเมืองชาวเยอรมัน  โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน และยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของเยอรมันอีกด้วย  รวมถึงอดอฟ  ฮิตเลอร์ยังเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่จุดชนวนสงครามโลกครั้งนี้ขึ้น และยังได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ด้วยเหตุผลที่ว่า ชาวยิวจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงของเชื้อชาติเยอรมัน  จนทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนั้นถูกจารึกในประวัติศาสตร์โลกว่า ไร้มนุษยธรรมที่สุด  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมีเหตุผลและที่มาที่ไป เหตุการณ์อันโหดร้ายครั้งนั้นก็เช่นกัน


คำกล่าวสำคัญของฮิตเลอร์

แรกเริ่มเดิมทีนั้นชาวยิวเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่  เป็นแค่เพียงชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่บริเวณแถบชายแดนของปาเลสไตน์  แต่ต่อมาชาวยิวมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดปัญหาเรื่องที่อยู่ อีกทั้งชาวยิวถูกพวกอานารยชนรุกรานพื้นที่ทำกิน และในตอนนั้นเองประเทศเยอรมันก็มีนโยบายช่วยเหลือชาวยิวโดยรับพวกเขาเข้าไปอยู่ในประเทศ  แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี  ชาวยิวก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 10 ล้านคน  ชาวยิวจึงพยายามเข้าไปมีบทบาทและแทรกแซงไปทั่วกิจการต่างๆภายในเยอรมัน อีกทั้งชาวยิวยังมีความพยายามในการสั่งสอนลูกหลานของพวกเขาให้ได้รับการศึกษาที่ดี  สิ่งนี้เองที่เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ชาวยิวมีความฉลาด และถือเป็นชนชาติหนึ่งที่มีความพยายามและอดทนสูง เพราะพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใดๆง่ายๆ จนทำให้ชาวยิวส่วนมากกลายเป็นบุคคลที่มีศักยภาพสูงทั้งการแสดงออกทางความคิดหรือแม้แต่ประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้ชาวเยอรมันที่ไม่มีศักยภาพเทียบเท่าถูกแย่งงาน ตลอดจนยังได้รับโอกาสในด้านต่างๆ มากกว่าคนเยอรมัน

แต่หลังจากที่ฮิตเลอร์เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยความกลัวที่จะถูกกลืนโดยชาวยิว  บวกกับการที่พรรคนาซีมีความเชื่อที่ว่า ชนชาติเยอรมันของตนนั้นเปรียบเสมือนเลือดบริสุทธิ์  และกลัวว่าการที่มีชาวยิวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในประเทศของตนนั้น จะทำให้ชาวเยอรมันมีเลือดที่ไม่บริสุทธิ์  จนทำให้มีการสั่งการให้จับชาวยิวประมาน 1 ล้านคนไปยังค่ายกักกันเพื่อสังหารชาวยิวให้หมดสิ้น 

โดยวิธีการการสังหารหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เลือดไม่บริสุทธิ์ในครั้งนั้น ทำโดยการใช้ลมแก็สพิษและเผาทั้งเป็นในเตา  บางคนก็นำมาใช้แรงงานและนำมาเป็นกรรมกรในค่ายกักกัน หากใครต่อต้านหรือพยายามหนี ก็จะรุมทำร้าย หรือแม้แต่ปล่อยให้อดตาย ป่วยตาย  หลังจากนั้นก็ยิงทิ้งบนปากหลุมขนาดใหญ่ หรือถีบลงหลุมแล้วฝังทั้งเป็น 



แต่เหนือสิ่งอื่นใด การสังหารอันโหดร้ายครั้งนี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆที่แอบแฝงอยู่ภายใต้จิตใจของฮิตเลอร์ นั่นคือ การที่ฮิตเลอร์เกลียดชาวยิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รวมถึงจากคำกล่าวในหนังสือ “November 9 : How World War One Led To The Holocaust”  ซึ่งผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้อ้างว่า ฮิตเลอร์โทษชาวยิวที่ทำให้ประเทศตัวเองพ่ายแพ้สงครามจนอับอายขายขี้หน้าไปทั่วโลก เขากล่าวว่าชาวยิวจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ประเทศเยอรมันล่มจม 

อีกทั้งฮิตเลอร์ยังมีปมในใจเกี่ยวกับชาวยิวมาตั้งแต่เขายังเด็กๆ โดย นักประวัติศาสตร์ได้อ้างว่า ฮิตเลอร์ตามจริงแล้วก็เป็นชาวยิวเหมือนกัน ซึ่งการที่ฮิตเลอร์เกลียดชาวยิวนั้นก็เป็นเพราะว่า เขาเติบโตมาภายใต้สิ่งแวดล้อมของชาวยิว ทำให้เขาได้รู้ได้เห็นนิสัยของชาวยิวในด้านแย่ๆตั้งแต่เด็ก เขาจึงมีอคติกับชาวยิวตั้งแต่นั้นมา 



และยังมีเหตุผลอื่นๆที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้อีก เช่น การที่ชาวยิวร่ำรวยจากการเข้ามาแทรกแซงกิจการต่างๆ ภายในประเทศเยอรมันทำให้ ฮิตเลอร์ต้องสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ  หรือแม้แต่เหตุผลที่ว่า ฮิตเลอร์ได้รับการกระทบกระเทือนต่อสมองในขณะที่ไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 แหล่งข้อมูลบางแหล่งได้อ้างว่า ในขณะที่ฮิตเลอร์ร่วมรบอยู่ เขามีอาการปวดที่ศรีษะอย่างรุนแรงทำให้เขาต้องหยุดรับใช้ชาติไป หลังจากนั้นสภาพจิตใจของเขาก็เริ่มแย่ลง  จนทำให้นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่า ความผิดหวังทางจิตใจ และการได้รับบาดเจ็บทางสมอง ทำให้ฮิตเลอร์มีการกระทำที่ก้าวร้าวและไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำทั้งหมดนั้นผิดหรือถูก 

แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของชาวยิวเป็นอย่างมาก เด็กและผู้หญิงบางคนที่เขาไม่ได้ต้องการเข้ามาแย่งชิงหรือแข่งขันกับชาวเยอรมัน เขาไม่แม้แต่จะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไร ครอบครัวจากที่เคยอยู่ด้วยกันต้องพลัดพรากจากกันและไม่รู้เลยว่าครอบครัวของตนจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน   พวกเขารู้แต่เพียงว่าการเกิดมาเป็นชาวยิวทำให้พวกเขาต้องมาพบเจอชะตากรรมแบบนี้ความโหดร้ายของการฆ่าชาวยิว

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไป เป็นเพียงแค่ข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์เท่านั้น อย่างไรก็ตามการที่พรรคนาซีและ ฮิตเลอร์ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวอย่างโหดร้ายนั้น ทำให้ทั่วโลกต่างมองว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ไร้หัวใจ  และมีจิตใจโหดเหี้ยม เพราะพวกเขาฆ่าชาวยิวอย่างเลือดเย็น แต่ถ้าหากเราลองมองในแง่มุมและความรู้สึกของฮิตเลอร์ดู บางทีทุกสิ่งทุกอย่างอาจเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ  แต่ในทางกลับกันถึงจะเป็นหน้าที่ อย่างไรก็ตามการฆ่าคน การทำสงคราม หรือแม้แต่เหตุการณ์นองเลือดอื่นๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  เพราะมีแต่ความสูญเสียตามมา

สุดท้ายนี้ประวัติศาสตร์ก็คือ อดีตที่ผ่านมาแล้ว  การที่เราได้เรียนรู้ และเข้าใจเหตุการณ์ในอดีตต่างๆนั้น หากแม้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี  และมีแต่การสูญเสีย เราทุกคนที่อยู่ในปัจจุบันทำได้แค่เพียงเตือนใจตน  ปรับปรุง  แก้ไข  และพยายามไม่ให้ประวัติศาสตร์นั้นซ้ำรอยอีก  เพราะหากเรารู้ว่ามันผิด แล้วยังปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก เราคงไม่ต่างกับคำกล่าวในอดีตที่ว่า เราเป็นมนุษย์ไร้หัวใจ หรือหากจะกล่าวได้กับปัจจุบัน คนแบบนั้นก็คือ มนุษย์ที่ไม่มีการพัฒนาทางจิตใจนั่นเอง


อ้างอิง

unigang.(2554).ทำไมนาซีถึงต้องฆ่าชาวยิว..สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561.จาก : http://www.unigang.com/Article/8643

MThai.(2556).ประวัติอดอฟ ฮิตเลอร์ ผู่ก่อตั้งพรรคนาซี.สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561.จาก : https://teen.mthai.com/variety/57766.html

UNIGANG. (2560).รูปความโหดร้ายในเยอรมัน เมื่อฮิตเลอร์ฆ่าชาวยิว. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561.จาก : http://www.unigang.com/Article/2730

Jewshev. (มปป.).ประวัติชาวยิว. สืบค้นเมื่อวันที่  22 กันยายน 2561.จาก : https://sites.google.com/site/jewsheaven/home/prawati-chaw-yiw

Onenee.com. (2558). ประวัติอันโหดเหี้ยม หรือน่าสรรเสริญของฮิตเลอร์.สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2561.จาก : http://www.onenee.com/?p=3166

Gonoguide.com. (มปป.). ฮิตเลอร์กับสงครามโลก.สืบค้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561.จาก : http://www.gonoguide.com/ฮิตเลอร์-กับสงครามโลก/

ตุล อิศรางกูร ณ อยุธยา. นาซีศึกษา อ่านอดีตเพื่อเข้าใจปัจจุบัน.สืบค้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561.จาก : https://www.the101.world/tul-interview-nazi-study/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น