หน้าเว็บ

หัวข้อย่อย

ยุคสมัยของอารยธรรม

14 ธ.ค. 2557

เจงกีสข่าน

โดย ทรงวุฒิ รัตนโยธิน

เมื่อพูดถึง “เจงกิส ข่าน” หรือ “เตมูจิน” แล้วนั้นหลายคนอาจจะคุ้นหูมาบ้างแล้วไม่ว่าจะตาม โทรทัศน์สื่อ ต่างๆ หรือ แม้กระทั่งตำราประวัติศาสตร์ต่างๆ “เจงกิส ข่าน” นั้นเป็นจักรพรรดิชาวมองโกลที่ยิ่งใหญ่มาก และเป็นผู้ที่ก่อตั้งจักรวรรดิที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว ทำไมถึงบอกว่าเป็นอาณาเขตที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เพราะเป็นอาณาเขตที่ครอบคลุมตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึง ยุโรปตะวันออก และส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้ากันขึ้นระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอีกด้วย

สมเด็จพระจักรพรรดิเจงกีสข่าน คำว่า เจงกีส ที่เป็นชื่อของท่านมีความหมายมาจาก “เวิ้งสมุทร,มหาสมุทร” ทุกคนลองคิดตามกันดูนะครับคำว่า มหาสมุทรนั้นมีความหมายว่าอย่างไร ?

คำว่ามหาสมุทรมีความหมายว่า ยิ่งใหญ่ ไพศาล ครับ ซึ่งสอดคล้องกับอำนาจของพระองค์อีกด้วยครับ หรือจะเปรียบเทียบได้ว่า “ เจงกีสข่าน มีอำนาจยิ่งใหญ่ดั่งเวิ้งมหาสมุทร” นั้นเองครับเราจะมาศึกษาประวัติของพระองค์ตั้งแต่เกิดไปจนถึงสิ้นพระชนม์นะครับ


(เจงกีส ข่าน)
แหล่งที่มา : http://th.wikipedia.org/

อันดับแรกมาทำความรู้จักที่มาที่ไปของ “เตมูจิน” พระนามของพระองค์สมัยเยาว์วัย เมื่อเตมูจิน อายุครบ 8 ขวบ เขาได้สมรสกับ Borte หญิงสาวผู้ซึ่งมีอายุมากกว่าพระองค์ อย่าเพิ่งตกใจไปครับ ผมกำลังจะเล่าว่าทำไม ? เพราะประเพณีของชาวมองโกลถือว่า การที่ได้สมรสกับภรรยาผู้ซึ่งมีอายุมากกว่าฝ่ายชาย นอกจากจะทำให้กำเนิดบุตรได้ในเวลาที่รวดเร็วแล้ว ภรรยายังสามารถให้คำแนะนำที่ดีต่อสามีของเธอได้ และ Borte ได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีมาโดยตลอด จนทำให้ เตมูจิน หลังรักนาง และเมื่อนางถูกลักพาตัว เตมูจินกับเพื่อนของเขาได้กรีธาทัพเข้ายึดตัวนางคืน

เมื่อเตมูจีนมีอายุที่เหมาะสมแล้วเขาจึงได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าเผ่า เขาจึงได้ระดมนักรบในเผ่าต่างๆ และขอความช่วยเหลือจากเผ่าต่างๆบ้าง และได้ปกครองชนเผ่าที่อ่อนแอกว่า และอนุญาตให้ผู้คนจากเผ่าที่แพ้การรบเข้ามาเป็นพวกของ เตมูจีน ทำให้ชนเผ่าของเขามีความแข็งแกร่งและมีกองทัพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้รบชนะเผ่าที่มีกำลังแข็งแกร่งอย่าง เผ่า Tatar ในมองโกลตะวันตก หรือไม่ว่าจะเป็น เผ่า Chin ในจีนเหนืออีกด้วย และทำให้ใน ค.ศ. 1206 หลังจากที่ได้ทำสงครามชนะศึกไปทั่วสารทิศแล้ว เตมูจินได้สถาปนตัวเองขึ้นเป็นเจงกิสข่าน ( Genghis Khan ) และได้ปกครองเผ่ามองโกลทั้งหมดทั้งนี้เพราะในสมัยนั้นผู้คนยังมีความเชื่อว่าโลกแบนราบ และแผ่นดินมีมหาสมุทรล้อมรอบ ดังนั้นคำว่า Genhis Khan จึงมีความหมายว่า กษัตริย์ผู้ที่ปกครองทั้งโลกนั้นเอง

หลังจากที่ได้สถาปนตัวเองขึ้นมา ก็ได้มีการกำหนดให้ทหารมีความแข็งแกร่งในการสงคราม และให้มีความซื่อสัตย์ รวมทั้งต้องมีความจงรักภักดีต่อพระองค์อีกด้วย นักประวัติศาสตร์หลายคนคิดว่า จักรพรรดิเจงกีสข่าน นั้นทรงพระปรีชาสามารถมากกว่า Alexander , Caesar , Napoleon เสียอีก จะเห็นได้จาก ยุทธวิธีการทำสงคราม และมีกลอุบายต่างๆอย่างเช่น แสร้งทำเป็นหนี ทำให้ข้าศึกควบม้าไล่อย่างรวดเร็วและทำให้ไม่เป็นขบวน และพระองค์ก็จะรวมตัวทหารม้าใหม่อย่างเป็นระเบียบและต้อนให้ข้าศึกที่หลงเข้ามาจนมุม และพระองค์ยังทรงมีทักษะในการควบและบังคับม้าที่คล่องแคล้วอีกด้วย

นักประวัติศาสตร์ ยอมรับว่า เจงกีสข่าน เป็นจักรพรรดิที่อัจฉริยะพระองค์หนึ่ง ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่ได้รับการศึกษามาก่อนก็ตามที นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีความเข้าใจของระบบอำนาจของสมัยนั้นเป็นอย่างดี และมีนักบวชองค์หนึ่งชื่อ Matthew Paris ได้บันทึกในหนังสือ Choronica Majorca ว่าชาวยุโรปกลัวความป่าเถื่อนของชนเผ่ามองโกลยิ่งนัก สมเด็จพระจักรพรรดิเจงกีสข่าน มีพระชนม์ชีพประมาณ 1 ศตวรรษ ก่อนพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงสุโขทัย ปัจจุบัน พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักการทหารที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก

หลังจากการจากไปของสมเด็จพระจักรพรรดิเจงกีสข่าน พระราชโอรสของพระองค์ได้นำทัพกลับไปที่ยุโรป แต่ในขณะที่จะเข้าเวียนนา ข่านพระองค์ใหม่ก็สิ้นพระชนม์ ทำให้ยุโรปรอดจากการยึดครอง และเมื่อ ค.ศ. 1260 Kublai Khan “กุปไลข่าน” ได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากเดิม Kharakkhorum ในมองโกลเลียไปอยู่ที่ในประเทศจีน เมืองปักกิ่ง ก็ตั้งราชวงศ์ที่ทุกคนรู้จักกันดีและเมื่อย้ายจากมองโกลไปถึงจีนก็ได้มีการทำนุบำรุงและสิ่งเสริมอารยธรรมจีนขึ้นทำให้อารยธรรมสมัยก่อนหรืออารยธรรมมองโกลได้เสื่อมลงไป จนแตกสลายในที่สุด


สุสานเจงกีสข่าน 

ส่วนสุสานฝังศพของจักรพรรดิอยู่ที่ไหน ? ตามตำนานเรื่องราวเกี่ยวกับเจงกิสข่าน เชื่อว่าอยู่ที่แถบบริเวณภูเขาของเมือง Burkhan Khaldun และนักโบราณคดีมากมายหลายคณะ ทั้งคณะชาวมองโกล หรือชาวมองโกเลียในปัจจุบัน และคณะจากประเทศอื่นๆ ก็ได้พยายามค้นหาสุสานฝังพระศพของจอมจักรพรรดิเจงกิสข่านมาเป็นเวลายาวนานแล้วแต่ก็ยังไม่พบ แต่ล่าสุดมีรายงานข่าวจากคณะนักโบราณคดีคณะหนึ่งประกอบด้วย นักโบราณคดีชาวสหรัฐอเมริกาและชาวมองโกเลีย เปิดเผยเมื่อกลางเดือนสิงหาคม พ.ศ.2544 ว่า คณะพวกเขาได้ค้นพบสุสานฝังศพขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่า น่าจะเป็นสุสานฝังพระศพของจอมจักรพรรดิเจงกิสข่าน

จะเห็นได้ว่าเจงกีสข่านพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านการรบมาตั้งแต่สมัยเด็กและประจวบเหมาะกับที่พระองค์ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าและทรงเป็นผู้นำก็ทำให้พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆจนได้ สถาปนาตนเอง กลายเป็น จักรพรรดิและจะเห็นได้ว่าถึงแม้พระองค์จะไม่ได้รับการศึกษาแต่พระองค์ก็ถูกขนามนามว่าเป็นจักรพรรดิผู้ที่มีความรู้และเป็นอัจฉริยะพระองค์หนึ่งเลย และสุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าพระองค์จะเหลือแค่เพียงชื่อ แต่วีรกรรมและผลงานต่างๆของพระองค์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจดจำและเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังควรปฏิบัติตามยิ่งนัก


จักรวรรดิมองโกลที่มีอาณาเขตมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
แหล่งที่มา :  http://th.wikipedia.org/


อ้างอิง

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี . เจงกีส ข่าน . สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557 , จาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AA_%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99

MyFirstBrand . หัวข้อ เกร็ดประวัติศาสตร์ . เจงกิสข่าน(Genghis Khan) . สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557 , จาก http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=59170

AbroadTour . เจงกีส ข่าน . สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2557 , จาก http://www.abroad-tour.com/history/genghis_khan.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น